นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รู้สึกยินดีที่รัฐและเอกชน ตลอดจนสถาบันการศึกษา และธนาคารให้ความร่วมมือกันถือเป็นครั้งประวัติศาสตร์ และรัฐบาลได้กำหนดให้เรื่อง SMEs เป็นวาระแห่งชาติ สอดคล้องสถานการณ์โลกและปัจจัยภายในประเทศ โดยตลอดที่มีการประชุมระดับโลกมีการพูดเรื่องนี้ในทุกเวที จึงต้องให้ความสำคัญเพราะถือเป็นฐานรากของเศรษฐกิจและประชาคมโลก ดังนั้นจึงต้องมีโรดแมปที่ชัดเจนว่าเดินหน้าเรื่องนี้อย่างไร ที่ผ่านมามีแผนพัฒนาเศรษฐกิจมาแล้ว 11 ฉบับ แต่เดินหน้าไม่ได้ ดังนั้นแผนพัฒนาฉบับที่ 12 จึงต้องเดินหน้าให้ได้จริง และนอกจากการเข้าหาแหล่งเงินทุนแล้วยังต้องให้ความสำคัญด้านอื่นด้วย เช่น การให้ความรู้ การเพิ่มการวิจัยพัฒนา ซึ่งเป็นกรอบงานเศรษฐกิจทั้งสิ้น ที่ผ่านมาทำงานแบบหน่วยงานของใครของมัน จึงไม่เป็นผลสัมฤทธิ์ จับต้องไม่ได้ แต่วันนี้มีปัญหาด้านเศรษฐกิจเพราะมีปัจจัยทั้งภายในและภายนอกดังนั้นจึงจำเป็นต้องช่วยกัน
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในการสร้างผู้ประกอบการแบ่งเป็น 3 กลุ่มใหญ่ ได้แก่ 1.ผู้ประกอบการใหม่ เปิดธุรกิจเกิน 3 ปีไปแล้ว ต้องช่วยให้เกิดความเข้มแข็ง ให้ความรู้และควบคู่กับการสนับสนุนให้เข้าถึงแหล่งทุน เริ่มต้นอย่างถูกทาง 2.กลุ่มที่ประกอบการแล้วมีปัญหา ต้องช่วยหาวิธีเพื่อแก้ปัญหาหนี้สินทั้งเก่าและใหม่ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันในการประกอบการ ไม่ใช่มุ่งเน้นการสร้างกำไร เพราะจะเป็นช่องว่างระหว่างคนมีรายได้มากและคนมีรายได้น้อย เพื่อให้การบริหารงานเกิดเป็นรูปธรรม 3. ผู้ประกอบการเดิมที่ต้องมีการส่งเสริมปรับรูปแบบการเรียนรู้ เพราะบางเรื่องสิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดข้อติดขัดและเดินต่อไปไม่ได้ ซึ่งเป็นปัญหาที่ตัวบุคคล จึงต้องสร้างความเข้มแข็ง
ทั้งนี้นายกรัฐมนตรี อยากให้มีการจดทะเบียนผู้ประกอบการ SMEs ทั้ง 3 ล้านรายภายในปี 2559 เพื่อที่ในปี 2560 จะได้มีการพัฒนาธุรกิจ SMEs ต่อไป
"ที่ผ่านมาผมไม่ตำหนิใคร แต่ขอตำหนิผู้บริหารทั้งหมด จากพีระมิดบนสู่ล่าง ต้องรับผิดชอบในฐานะเป็นผู้บังคับบัญชา แต่การแก้ปัญหาทำไม่ได้ เพราะเราติดแต่ทำพิธีการ มีนายกฯมาเปิด-ปิดงานแล้วจบไป มันไม่ใช่ วันนี้เป็นการเปิดงานที่เป็นรูปธรรม เพราะตนจะต้องมีการติดตามงานด้วยตลอด"พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พร้อมระบุว่า รัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุนและยืนยันให้การดูแลในทุกด้านทั้ง การเข้าถึงแหล่งเงินทุน และการพัฒนาในด้านอื่นๆ อย่างต่อเนื่องและจริงจัง โดย สสว.จะต้องสร้างความร่วมมือและนำความช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs เพื่อสร้างการเติบโตจากผู้ประกอบการขนาดเล็ก สู่ขนาดกลาง และมีความสามารถในการเติบโตเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ มีความเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศ
ขณะที่สถานศึกษาและระบบการศึกษามีความสำคัญในการสรังความรู้ การเรียนรู้ มีทักษะในการประกอบอาชีพได้จริงในอนาคต พร้อมให้แนวทางสถาบันการศึกษาจัดทำบัญชีของนักเรียนนักศึกษาที่ความรูในด้านต่างๆ ที่ตลาดมีความต้องการ เช่น และการบริหารจัดการน้ำ วิศวกรรถไฟ วิศวกรระบบราง เพื่อรองรับการพัฒนาระบบรางหลังมีการประกาศการร่วมลงทุนไปแล้ว ขณะเดียวกันต้องเตรียมบุคลากรให้พร้อมต่อการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในต้นปีหน้าที่ความต้องการแรงงานจำนวนมาก รวมถึงการเตรียมคนให้พร้อมกับการพัฒนาอุตสาหกรรมที่ต้องให้คนไทยเป็นหัวหน้างาน
ขณะเดียวกัน ขอใหัระวังกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงที่ย่อมส่งผลกระทบต่อปริมาณน้ำที่จะขาดแคลน เพราะไทยและกลุ่มอาเซียนมีความเสี่ยงที่จะขัดแย้งเรื่องน้ำได้ ดังนั้นจึงต้องมาร่วมมือกัน เช่น การเสนอแนวคิดด้านป่าอาเซียน เพื่อสร้างรากฐานที่เข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจของประเทศ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การดำเนินงานทุกฝ่ายทั้งสถานศึกษา หน่วยงานภาครัฐต้องให้ความสำคัญกับการให้ความรู้ การวิจัยและพัฒนาให้เกิดความเชื่อมโยงกันในการขับเคลื่อนงาน หลายคนอยู่เกี่ยวข้องกับเรื่องการศึกษา ต้องตั้งต้นที่การเคารพกฎหมาย ต้องสร้างความเชื่อมโยงให้คนรุ่นใหม่ รู้จักมีสิทธิเสรีภาพ แต่ไม่รู้จักหน้าที่ ต้องมีวินัยไม่ใช่คิดถึงแต่ตัวเองเป็นหลัก