โดยในส่วนของสินเชื่อสำหรับผู้สูงอายุนั้น เบื้องต้นมีผู้ที่สนใจและได้สอบถามเข้ามาเป็นจำนวนมาก เนื่องจากส่วนใหญ่เห็นว่าเป็นโครงการที่ดีสำหรับผู้สูงอายุที่ไม่มีบุตรหลานดูแล โดยแนวคิดเบื้องต้นคือ การนำที่อยู่อาศัยมาแลกเงิน โดยจะมีการประเมินสินเชื่อให้ 50% ของราคาที่อยู่อาศัย และอาจมีการกำหนดระยะเวลาการกู้ 20 ปี โดยจะมีการทยอยให้เงินสินเชื่อเป็นงวด เพื่อใช้ในการดำรงชีวิตประจำวัน ส่วนวงเงินที่จะใช้ดำเนินการจะมีการพิจารณาอีกครั้ง โดยต้องมีการพิจารณาถึงปริมาณความต้องการ และความเสี่ยงที่ บตท.จะรับได้ด้วย
"โครงการสินเชื่อสำหรับผู้สูงอายุนี้ เราได้แนวคิดมาจากประเทศเกาหลี คาดว่าเดือน ก.พ.59 น่าจะมีการลงนามระหว่างกันได้ โดยระหว่างนี้ก็ต้องรอให้ทางกระทรวงการคลังแก้ไขกฎหมาย ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 6 เดือน และหลังจากแก้ไขกฎหมายเสร็จ 1-2 เดือนก็จะเร่งดำเนินการเรื่องนี้ทันที ซึ่งการแก้ไขกฎหมายของ บตท.ครั้งนี้ เพื่อให้การดำเนินงานมีความยืดหยุ่นมากขึ้น สามารถออกตราสารหนี้รูปแบบต่างๆ ได้มากขึ้นจาปัจจุบัน จะช่วยให้การทำงานของ บตท.มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย" นางพรนิภา กล่าว
นอกจากนี้ บตท. ยังมีแผนสำหรับระดมทุนเพื่อสนับสนุนโครงการของรัฐบาลด้วย โดยการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์เพื่อเป็นแหล่งทุนให้กับโครงการที่อยู่อาศัยของรัฐบาล เช่น โครงการที่อยู่อาศัยข้าราชการ โครงการพัฒนาที่ราชพัสดุเป็นที่อยู่อาศัย การให้คำปรึกษาทางการเงินให้กับหน่วยงานภาครัฐที่ต้องการระดมเงินในโครงการตาง ๆ โดยในเดือน ก.ย.59 บตท.พร้อมเป็นเจ้าภาพในการจัดงานประชุมนานาชาติ "The 3rd ASEAN Fized Income Summit" โดยจะมีการเชิญนักลงทุน นักการเงินของรัฐและเอกชนร่วมกันพัฒนาตลาดการเงินอาเซียน ผ่านการออกตราสารหนี้ข้ามตลาด "Cross Boeder Bonds"
นางพรนิภา กล่าวอีกว่า ทิศทางการดำเนินงานของ บตท. ในปี 2559 คาดว่าจะมีการออกตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยค้ำ (MBS) วงเงิน 7-7.2 พันล้านบาท รวมถึงคาดว่าจะสามารถทยอยซื้อพอร์ตสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพจากสถาบันการเงินได้ 1 หมื่นล้านบาท รวมทั้งจะสามารถออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อสนับสนุนกิจกรรมทางสังคมได้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการค้ำประกันสินเชื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่อผู้สูงอายุ
อย่างไรก็ดี ในส่วนผลการดำเนินงาน 10 เดือนแรก(ม.ค.-ต.ค.) ของปี 2558 บตท.มีกำไรสุทธิ 70 ล้านบาท โดยได้มีการกันสำรองเป็น General Reserve เพื่อสร้างเสถียรภาพแลพความมั่นคงในช่วง 10 เดือน สูงถึง 117 ล้านบาท ขณะที่หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) อยู่ระดับ 3.7% ขณะที่สินทรัพย์รวมอยู่ที่ 2 หมื่นล้านบาท ขณะที่อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS) อยู่ที่ 12% โดยมีการออกตราสารหนี้ BMS อยู่ที่ 7 พันล้านบาท สูงกว่าเป้าหมาย 40% โดยเป้าหมายอยู่ที่ 5 พันล้านบาท
ขณะที่ บตท.ได้มีการทยอยซื้อพอร์ตสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพจากสถาบันการเงิน คิดเป็นวงเงิน 7 พันล้านบาท และกำลังมีการจัดซื้ออย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าภายในปีนี้จะมียอดจัดซื้อรวม 9.5 พันล้านบาท สูงกว่าปีก่อน 1 พันล้านบาท หรือคิดเป็น 95% จากเป้าหมาย 1 หมื่นล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นการจัดซื้อสินเชื่อที่อยู่อาศัยจากธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ และธนาคารทิสโก้เป็นหลัก