ทั้งนี้ รมว.คลัง คาดว่า ระบบ e-Payment จะเริ่มดำเนินการได้บางส่วนในช่วงกลางปี 59 และจะดำเนินการได้ทั้งหมดภายในสิ้นปี
สำหรับโครงการระบบชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ (National e-Payment) จะแบ่งรายละเอียดเป็น 5 โครงการ ดังนี้ 1. โครงการที่ทำให้ประชาชนสามารถโอนเงินจากบัญชีเข้า Any ID เช่น ID ของมือถือ หรือบัตรประชาชนเพื่ออำนวยความสะดวกมากที่สุด
2. โครงการที่ให้ร้านค้าทั้งหมดที่มีการขึ้นทะเบียนกับกระทรวงพาณิชย์ มีเครื่องรับบัตรในระบบ e-Payment ทำให้การใช้ระบบมีความกว้างขวางมากขึ้น
3. เป็นโครงการที่กรมสรรพากรจะต้องเตรียมระบบสำหรับการจัดเก็บข้อมูลในการชำระเงินผ่านระบบอิเล็กทรอนิคส์ทั้งหมด ทำให้การหลบเลี่ยงภาษีทำได้น้อยลง
4.โครงการลงทะเบียนสำหรับผู้มีรายได้น้อยเพื่อเข้าสู่ระบบการชำระเงินผ่าน e-Payment
และ 5.โครงการส่งเสริมใช้บัตรอิเล็กทรอนิคส์ในการชำระเงินมากขึ้น
"ในจำนวน 5 โครงการนี้ คาดว่าธนาคารพาณิชย์จะมีความเกี่ยวโยงมากที่สุดในโครงการที่ 1 และ 2 ส่วนโครงการที่รัฐจะต้องมีการลงทุนน่าจะเป็นโครงการที่เกี่ยวข้องกับการวางระบบของกรมสรรพากร ส่วนวงเงินลงทุนยังไม่ได้กำหนด แต่จะให้เปรียบเทียบ ก็น่าจะใกล้กับวงเงินลงทุนเรื่อง Core banking ของธนาคารพาณิชย์ คร่าวๆน่าะจะประมาณ 1 พันล้านบาท" รมว.คลัง กล่าว
นอกจากการอำนวยความสะดวกแล้ว หลังจากที่มีผลบังคับใช้แล้วจะต้องหาวิธีการสนับสนุนให้ประชาชเข้ามาใช้เงินผ่านระบบอิเล็กทรอนิคส์มากขึ้น เพื่อลดต้นทุนด้านการเงินของประเทศ ซึ่งในต่างประเทศมีการสนับสนุนให้มีการจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่ม(VAT)ผ่านระบบอิเล็กทรอนิคส์จะได้อัตราที่ถูกลงกว่าจ่ายด้วยเงินสดของไทยจะต้องมาพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไรบ้าง ส่วนเรื่องค่าธรรมเนียม ยืนยันว่าจะต้องมีค่าธรรมเนียมถูกลงเพื่อให้รายการชำระเงินขนาดเล็กๆ สามารถเข้ามาในระบบได้
ด้านนายบุญทักษ์ หวังเจริญ นายกสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า หากมีการลดการใช้เงินสดลง คาดว่าจะช่วยให้ประเทศลดภาระด้านการเงินได้ 1 ของ GDP คิดเป็นวงเงินเกือบ 1 แสนล้านบาท และระบบ e-Payment จะช่วยขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ
"มองว่าจังหวะนี้เป็นจังหวะที่ดีที่สุดที่จะดำเนินการเรื่องนี้เพื่อให้ทุกอย่างก้าวอย่างมั่นคง"นายบุญทักษ์ กล่าว
ส่วนนายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ที่ผ่านมา ธปท.มีแผนพัฒนาระบบการชำระเงินมาอย่างต่อเนื่อง โดยส่วนใหญ่เป็นการให้ความสำคัญในการโอนเงินขนาดใหญเป็นหลัก แต่ขณะนี้ถึงเวลาแล้วที่จะต้องเปิดทางให้รายย่อยสามารถเข้าถึงการชำระเงินผ่าน อิเล็กทรอนิคส์มากขึ้น Any ID จะเป็นหัวใจสำคัญในโครงการ
"ที่ผ่านมาการโอนเงินมีเบี้ยหัวแตกมานานหลาย 10 ปีแล้ว การมีระบบเข้ามาช่วยลดปัญหาตรงนี้"นายวิรไท กล่าว