ในหลักสูตรยังจะมีการจัดกิจกรรมศึกษาลู่ทางการลงทุนในต่างประเทศ เพื่อแสวงหาโอกาสและสร้างเครือข่ายพันธมิตรกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในประเทศนั้นๆ ทั้งในกลุ่มประเทศอาเซียน เช่น ลาว เมียนมา เวียดนาม กัมพูชาอินโดนีเซีย และกลุ่มประเทศตลาดใหม่ เช่น อินเดีย ศรีลังกา บังคลาเทศ เป็นต้น
“แนวโน้มการออกไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านกำลังขยายตัวเพิ่มขึ้นทุกปี เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ด้วยการแสวงหาโอกาสทางการตลาดและปัจจัยที่ดีกว่า อาทิ ต้นทุนการผลิต แรงงาน และค่าขนส่ง เป็นต้น บีโอไอจึงต้องการสนับสนุนนักลงทุนรุ่นใหม่ให้ออกไปลงทุนและแสวงหาตลาดใหม่ๆ ในต่างประเทศมากขึ้นแทนการพึ่งพาตลาดในประเทศเพียงอย่างเดียว และในปีนี้ กองส่งเสริมการลงทุนไทยในต่างประเทศ จะเน้นบทบาทการเป็นผู้เชี่ยวชาญในการให้ข้อมูลเชิงลึกด้านกฎหมายและกฎระเบียบในการลงทุนของแต่ละประเทศมากยิ่งขึ้นด้วย" นายโชคดี กล่าว
สำหรับคุณสมบัติของผู้เข้ารับการอบรม จะต้องเป็นเจ้าของธุรกิจหรือทายาทเจ้าของธุรกิจที่สนใจจะไปลงทุนต่างประเทศ และมีอายุ 30 ปีขึ้นไป สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ดี และสามารถเดินทางไปศึกษาลู่ทางการลงทุนในต่างประเทศได้
ก่อนหน้านี้ บีโอไอได้จัดอบรมสร้างนักลงทุนรุ่นใหม่ให้ออกไปลงทุนในต่างประเทศ มีผู้ผ่านการอบรมแล้วทั้งสิ้น 333 ราย และกว่าร้อยละ 17 ของผู้ที่ผ่านการอบรมได้ออกไปขยายการลงทุนในต่างประเทศแล้ว