ศูนย์วิจัยกสิกรฯ ชี้ FAA ลดอันดับไทยกระทบธุรกิจให้บริการแก่สายการบิน

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday December 2, 2015 18:24 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า องค์กรบริหารการบินแห่งสหรัฐอเมริกา (Federal Aviation Administration หรือ FAA) ได้ทำการปรับลดอันดับมาตรฐานความปลอดภัยด้านการขนส่งทางอากาศของไทย จากระดับปกติ (Category 1) เป็นระดับที่ต่ำกว่ามาตรฐาน (Category 2) แม้ว่าการลดอันดับดังกล่าวจะไม่ได้อยู่นอกเหนือความคาดหมาย และมีผลกระทบโดยตรงที่จำกัดต่ออุตสาหกรรมการบินของไทย แต่การที่ไทยถูกปรับลดอันดับมาตรฐานความปลอดภัยด้านการขนส่งทางอากาศจาก 2 องค์กรกำกับดูแลด้านการบินที่สำคัญ อาจนำไปสู่ข้อจำกัดการปฏิบัติการบินของอากาศยานสัญชาติไทยในระยะข้างหน้า

การที่ FAA ลดอันดับของไทยเป็น Category 2 นั้น สายการบินที่จดทะเบียนในไทยยังสามารถปฏิบัติการบินได้เช่นเดิม แต่ไม่สามารถเพิ่มเที่ยวบินหรือจุดบินใหม่ในสหรัฐอเมริกาได้ ซึ่งผลกระทบโดยตรงต่ออุตสาหกรรมการบินของไทยวงจำกัด เนื่องจากปัจจุบันไม่มีสายการบินของไทยปฏิบัติการบินไปยังสหรัฐอเมริกา แต่ก็คงจะส่งผลต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยในอุตสาหกรรมการบินเชิงพาณิชย์ และที่สำคัญอาจมีอิทธิพลต่อผลการประเมินขององค์การความปลอดภัยด้านการบินแห่งสหภาพยุโรป (The European Aviation Safety Agency) หรือ EASA ซึ่งกำลังจะประกาศในช่วงกลางเดือนธันวาคมนี้

ภายใต้ข้อเท็จจริงที่ว่าการประเมินของทั้ง FAA และ EASA ใช้มาตรฐานของ ICAO เป็นหลัก ทำให้มีความเป็นไปได้สูงมากที่ EASA อาจจะขึ้นบัญชีดำสายการบินของไทยที่ปฏิบัติการบินไปยุโรป โดยมีสาเหตุมาจากข้อบกพร่องเดียวกัน ซึ่งไทยยังไม่สามารถแก้ไขปรับปรุงได้ทันภายในเวลาที่กำหนด ทั้งนี้ หาก EASA ขึ้นบัญชีดำสายการบินของไทยดังที่คาด จะทำให้สายการบินของไทยไม่สามารถปฏิบัติการบินไปยังจุดหมายปลายทางในยุโรปได้ ซึ่งจะส่งผลกระทบที่รุนแรงต่ออุตสาหกรรมการบินของไทยซึ่งมีเส้นทางการบินสู่ยุโรปหลากหลายเส้นทาง

ที่สำคัญ หากไทยถูกปรับลดอันดับมาตรฐานความปลอดภัยด้านการขนส่งทางอากาศโดย 3 องค์กรการบินหลักของโลก ก็อาจจะนำไปสู่การจำกัดปฏิบัติการบินของอากาศยานของไทยโดยประเทศต่างๆ ทั่วโลก นอกจากนี้ การปรับลดอันดับเป็นรายสายการบินของ EASA อาจจะส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อเครือข่ายการบินในปัจจุบันที่มีการบินโดยใช้รหัสเที่ยวบินร่วมกัน (Code share flight) เนื่องจากไทยถือเป็นศูนย์กลางการบินในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และสายการบินของไทยเองก็ปฏิบัติการบินในฐานะส่วนหนึ่งของเครือข่ายพันธมิตรการบินที่ใหญ่ที่สุดในโลก

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า การถูกปรับลดอันดับมาตรฐานความปลอดภัยด้านการขนส่งทางอากาศที่เกิดขึ้น นอกจากส่งผลต่อภาพลักษณ์ของประเทศและสายการบินจดทะเบียนในประเทศแล้ว การที่ไทยยังไม่สามารถดำเนินการแก้ไขข้อบกพร่องเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยฯ ดังกล่าวได้อย่างรวดเร็วและทันการณ์ ก็คงส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการบินในภาพรวมและผลการดำเนินงานของแต่ละสายการบินในหลากหลายมิติ มากน้อยแตกต่างกันตามแต่ละลักษณะการประกอบธุรกิจของแต่ละสายการบิน

สำหรับภาพรวมอุตสาหกรรมการบินของไทยนั้น ที่ผ่านมาสะท้อนภาพการเติบโตที่แข็งแกร่ง จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ขยายตัว อีกทั้งการเข้ามาแข่งขันในตลาดเส้นทางการบินภายในประเทศของสายการบินต้นทุนต่ำ ก็ล้วนแล้วแต่ส่งผลให้การเดินทางทางอากาศไปยังจุดหมายปลายทางภายในประเทศเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวชาวไทยมากขึ้น โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า เหตุการณ์ปรับลดอันดับมาตรฐานความปลอดภัยด้านการขนส่งทางอากาศของไทยในช่วงปลายปี 2558 จะไม่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อการขยายตัวของมูลค่าตลาดของธุรกิจขนส่งทางอากาศ ที่จะเติบโตราวร้อยละ 11.7-13.3

อย่างไรก็ดี อาจต้องจับตาผลกระทบในปีหน้าที่อาจจะขยายวงกว้าง รวมถึงความพยายามของทางการในการแก้ไขข้อบกพร่องด้านมาตรฐานความปลอดภัย ที่หากดำเนินการสำเร็จ ก็คงเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยฟื้นฟูความน่าเชื่อถือของอุตสาหกรรมการบินของไทยในระยะข้างหน้า

เมื่อมองไปยังอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่อง พบว่าปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นกับอุตสาหกรรมการบินของไทยในปัจจุบัน คงส่งผลกระทบต่อภาพรวมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในระดับที่น้อยมาก เนื่องจากตลาดนักท่องเที่ยวภายในประเทศคงไม่ได้รับผลกระทบใดๆ สำหรับตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ ก็เชื่อว่าจะมีสายการบินอื่นๆ มารองรับความต้องการการเดินทางมายังไทยของนักท่องเที่ยวต่างชาติได้

อย่างไรก็ดี การถูกปรับลดอันดับมาตรฐานความปลอดภัยด้านการขนส่งทางอากาศของไทยโดย FAA หลังการถูกขึ้นธงแดงโดย ICAO นั้น อาจส่งผลกระทบต่อเป้าหมายการเป็นศูนย์กลางการบินในภูมิภาคของไทย เนื่องจากเส้นทางการบินของสายการบินสัญชาติไทยจะถูกจำกัด ทำให้โอกาสในการขยายธุรกิจเกี่ยวเนื่องเพื่อรองรับการให้บริการสายการบินของไทย เช่น การจัดทำอาหารสำหรับบริการบนเครื่องบิน การเติมน้ำมันเชื้อเพลิงการบิน และกิจกรรมซ่อมบำรุง เป็นต้น อาจชะลอตามไปด้วย

นอกจากนี้ แม้ว่าปัญหาหลักที่ ICAO ระบุถึงข้อบกพร่องที่มีนัยสำคัญต่อความปลอดภัย (Significant Safety Concerns: SSC) อยู่ที่กระบวนการรับรองผู้ดำเนินการเดินอากาศ การออกข้อกำหนดการปฏิบัติการ และการรับรองการขนส่งสินค้าอันตราย ซึ่งยังไม่มีผลกระทบโดยตรงต่อกิจกรรมด้านอื่นๆ อาทิ กิจกรรมการซ่อมบำรุงอากาศยาน (Maintenance, Repair, and Operations: MRO) ซึ่งก็อยู่ในการกำกับดูแลโดยหน่วยงานด้านการบินพลเรือนของไทย แต่หากปล่อยให้สถานะที่ถูกปรับของหน่วยงานด้านการบินพลเรือนของไทยและสายการบินของไทยคงอยู่ยาวนานออกไป อาจกระทบความเชื่อมั่นการลงทุนในธุรกิจ MRO ในอนาคต อย่างไรก็ดี ในปีหน้าหากมาตรฐานการบินของไทยได้รับการทบทวนและถูกปลดล็อค ผลกระทบต่างๆ ดังกล่าวน่าจะมีไม่มากนัก


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ