ส่วนกรณีที่ ECB ไม่มีการเพิ่มมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ(QE) นายสมชัย กล่าวว่า การเพิ่มปริมาณอาจไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุด แต่น่าจะดูที่การเพิ่มคุณภาพของ QE มากกว่า ซึ่งมองว่าการเพิ่มคุณภาพ QE จะเป็นช่องทางให้เศรษฐกิจยุโรปฟื้นตัวได้ดีขึ้น
ทั้งนี้ ในทางกลับกัน ตลาดน่าจะจับตามเรื่องการปรับขึ้นดอกเบี้ยของ ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) มากกว่าเพราะมีผลต่อเศรษฐกิจโลกมากกว่า เพราะหากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังไม่พร้อมแต่มีการปรับขึ้นดอกเบี้ยอาจจะส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจของสหรัฐเองได้
สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจไทยขณะนี้ มองว่า เศรษฐกิจไทยปี 59 จะขยายตัวได้ตามคาดการณ์ที่ 3.8% เนื่องจาก 4 เครื่องยนต์หลักที่จะกลับมาทำงานได้ดีขึ้น ทั้งภาคส่งออกที่ปีหน้าเศรษฐกิจโลกจะปรับตัวดีขึ้น อำนาจซื้อของคู่ค้าจะขยายตัวเป็นผลดีต่อส่งออกของไทย, การเร่งการลงทุนของภาครัฐ, การกระตุ้นการบริโภคของภาคประชาชน และ การฟื้นตัวของการลงทุนภาคเอกชน
"เครื่องยนต์หลักที่เป็นตัวขับเคลื่อนตอนนี้ยังเป็นภาครัฐ ไม่ใช่ภาคเอกชน ดังนั้นขณะนี้ภาครัฐต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่น ในภาคต่างๆให้กลับคืนโดยเร็วที่สุด โดยมั่นใจว่าในเดือนพ.ย.-ธ.ค. ตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นต่างๆจะปรับดีขึ้นต่อเนื่องเป็นผลจากมาตรการรัฐที่ได้ออกมาในช่วงก่อนหน้านี้"
ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า หลังจากนี้ประเทศไทยจะเน้นการปฏิรูปมากกว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยในเดือนธ.ค.นี้ กระทรวงการคลังจะเสนอแผนปฏิรูปโครงสร้างภาษีให้รมว.คลังและคณะรัฐมนตรี (ครม.)พิจารณาเพื่อให้มีผลบังคับใช้ในปีหน้า และจากนั้นต้องมีการปฏิรูปรัฐวิสาหกิจ การปฏิรูปการคลังท้องถิ่น การปฏิรูปสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ รวมทั้งการปฏิรูประบบประกันภัยของประเทศให้มีศักยภาพมากขึ้น