"ญี่ปุ่นมีความพอใจในศักยภาพของบริษัท พี เอส บี จำกัด เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะความพร้อมในระบบการบริหารคลังสินค้า ระบบโลจิสติกส์ และความพร้อมในด้านการลงทุน และในเดือนมกราคม 2559 ญี่ปุ่นจะเชิญผู้บริหารบริษัท พี เอส บี จำกัด ไปเยี่ยมชมและศึกษาระบบงาน e-Commerce ที่ประเทศญี่ปุ่น เพื่อเข้าสู่การเจรจาการร่วมลงทุนธุรกิจ e-Commerce ในประเทศไทย และการใช้ฐานข้อมูลลูกค้าของบริษัทฯ ในประเทศญี่ปุ่น เพื่อจัดจำหน่ายสินค้าผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยต่อไป" นางมาลี กล่าว
โดยสินค้าไทยที่บริษัท Broadband Fashion Inc.(BBF) ให้ความสนใจ ได้แก่ สินค้าเครื่องแต่งกายทำจากผ้าไทย สบู่สมุนไพร เครื่องประดับเงิน สินค้าหัตถกรรมของตกแต่งบ้าน อาหารแห้ง และเครื่องปรุงรส เป็นต้น บริษัท BBF เชื่อมั่นว่าจะสามารถสร้างมูลค่าการจำหน่ายสินค้าจากประเทศไทยในระบบ e-Commerce ประเทศญี่ปุ่น ไม่น้อยกว่า 40 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อปี
สำหรับบริษัท Broadband Tower Inc.(BBT) เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ประเทศญี่ปุ่น มีธุรกิจหลักคือ เป็นผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต(Internet Service Provider) และผลิตรายการโทรทัศน์ทางอินเตอร์เน็ต (Internet TV) ในประเทศญี่ปุ่น ต่อมาได้ก่อตั้งธุรกิจใหม่ คือ บริษัท Broadband Fashion Inc. (BBF) เพื่อประกอบธุรกิจการให้บริการผู้ประกอบการรายย่อยด้านธุรกิจเสื้อผ้าและแฟชั่นในประเทศญี่ปุ่น ให้สามารถสร้างตลาดการค้าทาง e-Commerce ภายใต้แบรนด์ของตนเอง โดยบริษัท BBF ให้บริการแพลทฟอร์มเต็มรูปแบบ อาทิ การสร้างเว็บไซต์ให้มีความน่าสนใจ การให้บริการระบบ e-Payment การให้บริการคลังสินค้า โลจิสติกส์ และการระบายสินค้าค้างสต็อกโดยเชื่อมต่อกับเว็บไซต์อื่นๆ เช่น Rukkuten หรือ Alibaba เป็นต้น ปัจจุบันบริษัท BBF ให้บริการแก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีจำนวน 360 รายในประเทศญี่ปุ่น สามารถสร้างรายได้ไม่น้อยกว่า 25,000 ล้านเยน ต่อปี โดยบริษัท BBF มีนโยบายขยายธุรกิจการให้บริการแพลทฟอร์ม e-Commerce มายังประเทศไทย มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์