สำหรับการดำเนินการต่อจากนี้ ผู้เสนอซื้อจะต้องทำสัญญาซื้อขายข้าวกับองค์การคลังสินค้า (อคส.) หรือองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อตก.) ภายใน 15 วันทำการ พร้อมทั้งยื่นแผนการขนย้ายข้าวและแผนการนำข้าวไปใช้ในอุตสาหกรรมตามที่ผู้ซื้อได้รับรองวัตถุประสงค์ในการนำข้าวไปใช้ตามที่ได้แจ้งไว้ และเพื่อเป็นการป้องกันการรั่วไหลข้าวเข้าสู่ระบบการค้าปกติและผลกระทบต่อชื่อเสียงของข้าวไทย ซึ่ง นบข.ได้ให้ความสำคัญกับประเด็นนี้เป็นอย่างมาก จึงได้กำหนดมาตรการในการกำกับดูแลโดยมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้
1. ให้อคส. และ อ.ต.ก.กำหนดเงื่อนไขและบทลงโทษในสัญญาซื้อขายข้าวสารในสต็อกของรัฐเข้าสู่อุตสาหกรรม
2. ให้กองกำลังรักษาความสงบในพื้นที่จังหวัดของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นคณะทำงานสุ่มตรวจการส่ง-มอบข้าวตามแผนการขนย้ายข้าวสาร โดย อคส.เป็นผู้รับผิดชอบหลัก
3.แต่งตั้งคณะทำงานในระดับจังหวัด เพื่อสุ่มตรวจสอบบัญชีคุมสินค้าแสดงปริมาณการได้มา ปริมาณการใช้รายวันนับแต่วันที่ได้รับข้าวสารเก็บไว้ ณ สถานที่เก็บ
พล.อ.ฉัตรชัย กล่าวว่า การดำเนินการดังกล่าว นบข.มั่นใจว่าจะสามารถควบคุมและกำกับดูแลไม่ให้ข้าวเล็ดลอดเข้าสู่วงจรค้าข้าวเพื่อการบริโภค ซึ่งจะเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับตลาดและผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ