เงินบาทปิด 36.06/10 อ่อนค่าจากช่วงเช้า มองกรอบพรุ่งนี้ 35.90-36.20

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday December 17, 2015 17:33 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงิน เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 36.06/10 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจากช่วงเช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 35.96 บาท/ดอลลาร์

เงินบาทช่วงเย็นปรับตัวอ่อนค่าจากในช่วงเช้า แต่เชื่อว่าเงินบาทจะยังเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบนี้ เพราะการที่ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ปรับขึ้นดอกเบี้ยในรอบนี้ไม่ได้เป็นการเซอร์ไพร์สตลาดแต่อย่างใด

"บาทคงแกว่งอยู่ในกรอบนี้ เพราะที่เฟดขึ้นดอกเบี้ยก็เป็นไปตามคาด ไม่ได้เซอร์ไพร์สตลาดอะไร ซึ่งตลาดรับข่าวว่าเฟดจะขึ้นมาตั้งแต่ก.ย.แล้ว ช่วงนี้หลังจากเฟดขึ้นดอกเบี้ยก็คงไม่มี big event อะไรแล้ว จากนี้ไปจนถึงท้ายปีก็คงเป็นปัจจัยเรื่องข้อมูลเศรษฐกิจทั่วๆ ไป"นักบริหารเงิน ระบุ

นักบริหารเงิน คาดว่า พรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 35.90-36.20 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • ช่วงเย็นนี้ เงินเยนอยู่ที่ระดับ 122.30/51 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 122.50 เยน/ดอลลาร์
  • ส่วนเงินยูโร เย็นนี้อยู่ที่ระดับ 1.0838/0871 ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.0843 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,310.34 เพิ่มขึ้น 11.22 จุด (+0.86%) โดยมีมูลค่าการซื้อขาย 45,610 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 3,397.20 ลบ.(SET+MAI)
  • ศึกประมูล 4G คลื่น 900 MHz ในวันนี้ยังคงดำเนินต่อไปเป็นวันที่สาม ผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือยังสู้ราคากันอย่างดุเดือด ส่งผลให้ราคาประมูลใบอนุญาต 2 ใบในวันนี้ทะลุ 1 แสนล้านบาทไปแล้ว โดยล่าสุดเป็นการประมูลรอบที่ 133 เคาะใบแรกที่ 55,046 ล้านบาท และใบสอง 57,300 ล้านบาท และคาดว่าการประมูลจะยังคงสู้กันต่อไปข้ามคืนนี้เพื่อเข้าสู่วันที่สี่
  • นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เผยกรณีธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ปรับขึ้นดอกเบี้ยว่า เป็นไปตามคาดการณ์ ไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจ อีกทั้งเป็นการปรับขึ้นตามอัตราที่คาดไว้คือ 0.25% หากปรับเพิ่มมากกว่านี้ก็อาจทำให้คนตกใจบ้าง ขณะที่ประเทศไทยมีการเตรียมความพร้อมไว้หมดแล้ว โดยก่อนหน้านี้กระทรวงการคลังได้หารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) มาก่อนเกือบ 2 ปีแล้ว ดังนั้นเมื่อเกิดเหตการณ์ขึ้นจริงและไม่ได้เหนือความคาดหมาย จึงเชื่อว่า ธปท.จะมีมาตรการที่เตรียมพร้อมรองรับผลกระทบในด้านต่าง ๆ ไว้แล้ว โดยเฉพาะการดูแลความผันผวนของการเคลื่อนย้ายเงินทุนที่กังวลว่าอาจะเกิดขึ้นในระยะต่อไป แต่ขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้น
  • นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เผยกรณีเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยว่า ตลาดรับข่าวเรื่องนี้มาระยะหนึ่งแล้ว เพราะช่วงที่ผ่านมาเฟดได้อธิบายกับตลาดอย่างต่อเนื่อง และหลายส่วนคาดการณ์มาก่อนแล้วถึงการขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ และยังเชื่อว่าเฟดจะคำนึงถึงสภาพเศรษฐกิจโดยรวม ดังนั้นวิธีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจึงจะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป

ส่วนผลกระทบโดยเฉพาะเรื่องการเคลื่อนย้ายเงินทุนกับไทยนั้นอาจยังไม่ชัดเจนมากนัก แต่ยอมรับว่าการปรับชึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในขณะที่ธนาคารกลางหลายประเทศสำคัญยังส่งสัญญาณการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบ และคงใช้มาตรการการเงินแบบผ่อนคลาย จะมีผลในแง่ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนและอัตราดอกเบี้ยของตลาดพันธบัตร ซึ่งในส่วนนี้จะกระทบกับประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่

  • นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี คาดอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย(GDP) ในปี 58 จะโต 2.9-3% ส่วนปี 59 ขยายตัว 3.5-4% เป็นผลมาจากมาตรการภาครัฐที่ออกมาอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ประกอบกับเศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัว
  • นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เผยเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนั้นเชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อประเทศไทย เนื่องจากมีการเตรียมพร้อมเพื่อรองรับสถานการณ์เศรษฐกิจด้วยการสร้างความเข้มแข็งในประเทศไว้แล้ว ซึ่งผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อไทยนั้นคงต้องขึ้นกับปัจจัยภาวะเศรษฐกิจโลกที่ไม่สามารถคาดเดาได้เป็นสำคัญ ซึ่งในส่วนนี้ทั้งธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) และกระทรวงการคลังได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
  • นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ เผยกรณีเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยไม่ส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจของประเทศ เนื่องจากมีภูมิคุ้มกันทางเศรษฐกิจที่ดี และไม่คิดว่าจะเป็นปัญหาใหญ่ ประเทศไทยมีภูมิคุ้มกันมาตั้งแต่หลังเกิดวิกฤตต้มยำกุ้ง ค่าเงินบาทก็เปลี่ยนแปลงสอดคล้องกับภูมิภาค
  • ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) ประกาศแผนงานปี 59 วางกลยุทธ์หลักเพื่อนำไปสู่ S-Curve ใหม่ โดยเฉพาะการขยายฐานและพัฒนาคุณภาพบริษัทจดทะเบียน รวมถึงสร้างความแข็งแกร่งให้ SMEs โดยตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าตามราคาตลาดของหลักทรัพย์จดทะเบียนใหม่ 270,000 ล้านบาท ทั้งจากบริษัทที่เป็นผู้นำในอุตสาหกรรม(Industry Leader) รัฐวิสาหกิจ และบริษัทต่างชาติทั้งในกลุ่มลุ่มแม่น้ำโขงและอื่นๆ พร้อมสนับสนุนการเข้าถึงแหล่งเงินทุนและโอกาสทางธุรกิจให้กับ SMEs และตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าตามราคาตลาดจากบริษัทหลักทรัพย์จดทะเบียนที่มีอยู่อีก 255,000 ล้านบาท
  • ธนาคารกลางญี่ปุ่น(BOJ) เปิดฉากการประชุมนโยบายการเงินที่มีกำหนด 2 วันในวันนี้ โดยคาดว่า BOJ จะคงดำเนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงินในปัจจุบันต่อไป ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ในตลาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะลดลง
  • กระทรวงการคลังญี่ปุ่น เผยยอดเกินดุลการค้าเดือน พ.ย.อยู่ที่ 3.7972 แสนล้านเยน(3.1 พันล้านดอลลาร์) เนื่องจากยอดส่งออกเหล็กและวัสดุประเภทอื่นๆ ปรับตัวลดลง ท่ามกลางการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนและประเทศอื่นๆ ในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ ทั้งนี้มูลค่าการส่งออกเดือน พ.ย.ร่วงลง 3.3% เมื่อเทียบรายปี สู่ระดับ 5.98 ล้านล้านเยน ขณะที่ยอดนำเข้าดิ่งลง 10.2% สู่ระดับ 6.36 ล้านล้านเยน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ