วงเงิน RQFII ดังกล่าวจะเพิ่มโอกาสของนักลงทุนสถาบันไทยในการบริหารผลตอบแทนจากการลงทุน และสามารถกระจายความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น รวมทั้งเป็นการส่งเสริมการใช้เงินหยวนเพื่อรองรับการค้าและการลงทุนระหว่างไทยและจีนที่มีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมาธนาคารกลางทั้งสองประเทศได้มีความตกลงทางด้านการเงินร่วมกันในหลายด้าน เพื่อสนับสนุนการใช้เงินสกุลท้องถิ่นเพื่อการค้าและการลงทุน อาทิ การทำสัญญาความตกลงทวิภาคีเพื่อแลกเปลี่ยนเงินสกุลหยวนและบาท (Bilateral Swap Arrangement หรือ BSA) เมื่อปี 2554 และต่ออายุในเดือนธันวาคม 2557 รวมถึงการแต่งตั้งธนาคารชำระดุลเงินหยวน (RMB Clearing Bank)ในประเทศไทยเมื่อช่วงต้นปี 2558 ที่ผ่านมา ซึ่งการอนุมัติวงเงิน RQFII ในครั้งนี้ จึงถือว่าเป็นพัฒนาการสำคัญอีกก้าวหนึ่งที่สะท้อนระดับความสัมพันธ์ทางการค้าและการลงทุนระหว่างไทยและจีนที่แนบแน่นมากยิ่งขึ้น