สำหรับการเปิดให้บริการรถบัส CBG (ขส.มช.) ได้มีการศึกษาวิจัยโดยนำ มูลสัตว์ น้ำเสียอุตสาหกรรมอาหาร และขยะอินทรีย์ มาแปรรูปเป็นพลังงานทดแทนในรูปแบบก๊าซ CBG (Compressed Bio methane Gas) หรือ ก๊าซไบโอมีเทนอัด เพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับภาคขนส่งมวลชน เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมให้มีการเดินทางโดยใช้บริการของขนส่งสาธารณะเป็นหลัก สามารถช่วยลดมลพิษทางอากาศและลดการใช้พลังงานที่มีประสิทธิภาพ สอดรับกับแผน AEDP ของกระทรวงพลังงาน ที่ได้กำหนดสัดส่วนการใช้พลังงานทดแทนเพื่อการผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพ คิดเป็น 25% โดยมีแนวทางการดำเนินงานที่สำคัญ อาทิ การส่งเสริมการใช้ไบโอดีเซล และเอทานอล และส่งเสริมการผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพเพื่อลดต้นทุน ซึ่งในส่วนของเชื้อเพลิงชีวภาพนี้ได้มีเป้าหมายสนับสนุนการใช้ก๊าซไบโอมีเทนอัด หรือ ก๊าซ CBG ในยานพาหนะหรือโรงงานอุตสาหกรรมที่มีกลุ่มรถบรรทุก ที่ใช้งานในปริมาณ 4,800 ตันต่อวัน ให้ได้ภายในปี 2579
ทั้งนี้ กระทรวงพลังงาน ได้จัดทำแผนบูรณาการพลังงานระระยาว 21 ปี (Thailand Integrated Energy Blueprint) จำนวน 5 แผน เพื่อขับเคลื่อนการบริหารจัดการภาคพลังงานของประเทศให้มีความยั่งยืน ซึ่งหนึ่งในแผนหลักก็คือแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก (Alternative Energy Development Plan: AEDP) ทั้งนี้ การเปิดให้บริการรถบัส CBG (ขส.มช.) ของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้มีการศึกษาวิจัยโดยนำ มูลสัตว์ น้ำเสียอุตสาหกรรมอาหาร และขยะอินทรีย์ มาแปรรูปเป็นพลังงานทดแทนในรูปแบบก๊าซ CBG (Compressed Bio methane Gas) หรือ ก๊าซไบโอมีเทนอัด เพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับภาคขนส่งมวลชน เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมให้มีการเดินทางโดยใช้บริการของขนส่งสาธารณะเป็นหลัก สามารถช่วยลดมลพิษทางอากาศและลดการใช้พลังงานที่มีประสิทธิภาพ
"การบริหารจัดการขนส่งมวลชนของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ถือเป็นต้นแบบทางความคิด ในการสร้างแหล่งพลังปัญญาที่จะเป็นแนวคิดให้สังคมได้เรียนรู้และนำไปปรับใช้เพื่อให้แนวทางในการบริหารพลังงานของประเทศได้อย่างยั่งยืนสอดรับกับแผน AEDP ของกระทรวงพลังงาน ที่ได้กำหนดสัดส่วนการใช้พลังงานทดแทนเพื่อการผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพ คิดเป็น 25% โดยมีแนวทางการดำเนินงาน ที่สำคัญ อาทิ การส่งเสริมการใช้ไบโอดีเซล และเอทานอล และส่งเสริมการผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพเพื่อลดต้นทุน ซึ่งในส่วนของเชื้อเพลิงชีวภาพนี้ได้มีเป้าหมายสนับสนุนการใช้ก๊าซไบโอมีเทนอัด หรือ ก๊าซ CBG ในยานพาหนะหรือโรงงานอุตสาหกรรมที่มีกลุ่มรถบรรทุก ที่ใช้งานในปริมาณ 4,800 ตันต่อวัน ให้ได้ภายในปี 2579"
นพ.นิเวศน์ นันทจิต อธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า การบริการรถบัสที่ใช้เชื้อเพลิง CBG จำนวน 2 คัน รองรับผู้โดยสารได้ประมาณ 325 คนต่อวัน คิดเป็น 84,500 คนต่อปี โดยรถบัสสายที่ 1 วิ่งให้บริการเส้นทางจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ฝั่งสวนสักไปยังฝั่งสวนดอก ระยะทางไป-กลับ 10 กิโลเมตร และรถบัสสายที่ 2 วิ่งให้บริการเส้นทางจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ฝั่งสวนสักไปยังศูนย์เกษตรแม่เหียะ ระยะทางไป-กลับ 17.5 กิโลเมตร รวมระยะทาง 168 กิโลเมตรต่อวัน ในระยะเวลา 1 ปี จะมีนักศึกษาใช้บริการรถบัสแทนรถยนต์และรถจักรยานยนต์ รวมจำนวน 84,500 เที่ยวต่อปี ซึ่งจะช่วยลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงได้มากถึง 21,200 ลิตรต่อปี คิดเป็นมูลค่าถึง 517,926 บาทต่อปี ซึ่งจะช่วยลดความต้องการการใช้พลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิล โดยหันไปใช้พลังงานสะอาดทดแทน และที่สำคัญยังเป็นการช่วยลดภาวะโลกร้อน ด้วยการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกสู่บรรยากาศในปริมาณ 216,751 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี (216.8 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี) ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก จะทำให้มหาวิทยาลัยเชียงใหม่มีการพัฒนาไปสู่การเป็นสังคมคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Society) ใช้พลังงานทดแทน พลังงานสีเขียว ที่สะอาด เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
นอกจากนี้ ยังมีการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านพลังงานทดแทน จากงานวิจัยมาใช้ประโยชน์ได้อย่างเป็นรูปธรรม เป็นต้นแบบให้กับนักศึกษา บุคลากรในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และชุมชนท้องถิ่นในภูมิภาคนี้ ที่จะหันมาช่วยกันตระหนัก และให้ความสำคัญถึงประโยชน์ของการใช้พลังงานทดแทนในภาคขนส่งกันมากขึ้น เพื่อลดปัญหามลภาวะทางอากาศ และลดการใช้พลังงานเชื้อเพลิงที่นับวันจะหมดลงไปเรื่อยๆ เพื่อนำไปสู่การใช้พลังงานของประเทศได้อย่างยั่งยืนต่อไป