สำหรับปัจจัยบวกที่มีผลต่อแนวโน้มภาคการท่องเที่ยว ปี 2559 คือ แนวโน้มการท่องเที่ยวโลกที่คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 3-4, ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่คาดว่าจะอยู่ในระดับต่ำ เสถียรภาพการเมืองภายในประเทศ อัตราแลกเปลี่ยนหลังเฟดประกาศขึ้นดอกเบี้ย ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นและสกุลเงินใภูมิภาคอ่อนค่า ซึ่งจะส่งผลดีทำให้นักท่องเที่ยวมีกำลังซื้อมากขึ้น โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนที่เป็นตลาดหลักของไทย
ส่วนปัจจัยเสี่ยง คือ ภัยก่อการร้าย/สงคราม ภัยธรรมชาติขนาดใหญ่ และสภาวะเศรษฐกิจจีน
ขณะที่สถานการณ์ในปี 58 ว่า รายได้จากการท่องเที่ยวน่าจะจบที่ 2.21 ล้านล้านบาท สูงกว่าเป้าหมาย 10,000 ล้านบาท จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้ 2.2 ล้านบาท มาจากรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 1.42 ล้านล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 22 จากปีที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวต่างชาติมีค่าใช้จ่ายต่อทริปคนละ 50,000 บาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 7
"รายได้จากการท่องเที่ยวที่เป็นไปตามเป้าหมายเป็นผลมาจากการขยายตัวของการท่องเที่ยวโลก และการดำเนินมาตรการส่งเสริมการตลาด การส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศ โดยเฉพาะการท่องเที่ยวใน 12 เมืองต้องห้าม...พลาด รวมทั้งมาตรการดูแลนักท่องเที่ยวอละจัดระเบียบท่องเที่ยวตามนโยบายของรัฐบาล" รมว.ท่องเที่ยวฯ กล่าว
ทั้งนี้ ในช่วง 9 เดือนของปี 2558 จากมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ทั้งหมด 9.9 ล้านล้านบาท เป็นมูลค่าที่เกิดจากภาคการท่องเที่ยวทั้งทางตรงและทางอ้อม 1.4 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 14 ของ GDP ประเทศ และสร้างงาน 4.45 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 11 ของการจ้างงานทั้งหมด เป็นมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมทางตรงด้านการท่องเที่ยว 5.45 แสนล้านบาท มูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมทางอ้อมด้านการท่องเที่ยว 9.06 แสนล้านบาท
รมว.ท่องเที่ยวฯ กล่าวต่อว่า กระทรวงท่องเที่ยวมีนโยบายขับเคลื่อนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวสู่เศรษฐกิจดิจิทัลให้กับระบบเศรษฐกิจไทย โดยจะพัฒนาขีดความสามารถดิจิทัลเพื่อการท่องเที่ยว Digital Tourism ให้กับระบบเศรษฐกิจไทยผ่านโครงการ Tourism Gateway สื่อดิจิทัลที่รองรับวงจรประสบการณ์ของนักท่องเที่ยวประกอบด้วย Smart Trip Planner App เพื่อให้นักท่องเที่ยวมีข้อมูลในการตัดสินใจและวางแผนการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย และ Smart Travel App เป็นการบูรณาการและต่อยอด Application ข้อมูลที่มีอยู่ในปัจจุบัน โดยใช้การประมวลผลข้อมูลที่จำเป็นระหว่างการเดินทาง เพื่อยกระดับประสบการณ์การท่องเที่ยวเที่ยวให้นักท่องเที่ยวเข้าถึงบริการที่ดีและรู้สึกปลอดภัยตลอดเวลาที่ท่องเที่ยวในประเทศไทย
นอกจากนี้ จะยกระดับการบริหารจัดการภาคการท่องเที่ยวไทยผ่านโครงการ Tourism Intelligence Center (TIC) ซึ่งเป็นการบูรณาการข้อมูลต่างๆ ในภาคการท่องเที่ยวสำหรับใช้ในการตัดสินใจของผู้บริหารและหน่วยงานภาครัฐ เพื่อกำหนดและขับเคลื่อนตลอดจนช่วยในการสั่งการ แก้ไขปัญหาทางการท่องเที่ยวที่ทันต่อสถานการณ์ต่างๆ อย่างรวดเร็วและแม่นยำ
เนื่องจากจากการสำรวจสถานภาพพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ของประเทศไทยปี 2557 พบว่า อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวมีมูลค่าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์มาเป็นอันดับ 2 คิดเป็นร้อยละ 23 ของมูลค่ารวมทั้งประเทศ หรือประมาณเกือบแสนล้านบาท โดยสำนักงานคณะกรรมการธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ประมาณการว่ามีผู้ประกอบการอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่ดำเนินธุรกิจในรูปแบบการตลาดออนไลน์ถึงร้อยละ 81 ของผู้ประกอบการทั้งประเทศ และพบว่านักท่องเที่ยวชาวต่างชาติร้อยละ 70 รับรู้ข้อมูลข่าวสารการท่องเที่ยวของประเทศไทยก่อนเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวจากเว็บไซต์การท่องเที่ยวและสื่อสังคมออนไลน์และขณะท่องเที่ยวอยู่ในประเทศไทยนักท่องเที่ยวต่างชาติร้อยละ 75 ใช้ช่องทางการรับรู้ดังกล่าว