"ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ประชาชนระมัดระวังการใช้จ่าย เอสเอ็มอีไม่ยอมลงทุน เอกชนรอดูสถานการณ์เศรษฐกิจให้ชัดเจนเพราะยอดขายตกต่ำ ครม.จึงหาทางสนับสนุนการลงทุนด้วยการเห็นชอบการจัดตั้งกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันวงเงิน 1 หมื่นล้านบาท เพื่อดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมไฮเทคแนวใหม่ให้เกิดขึ้นในประเทศ เมื่อภาคเอกชนได้ลงทุนตามเกณฑ์ที่กำหนด พร้อมจัดสรรเงินงบประมาณ และมาตรลดหย่อนทางภาษี"นายอภิศักดิ์ กล่าว
รมว.คลัง กล่าวว่า เมื่อได้ออกมาตรการด้านต่างๆออกมา น่าจะเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับภาคเอกชนขยายการลงทุนได้มากขึ้น จึงเชื่อมั่นว่าจากภาวะเศรษฐกิจในปีนี้ขยายตัว 2.9% และในปีหน้าน่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีนี้
ส่วนปัญหาภัยแล้งที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในปี 59 นั้น รัฐบาลได้เตือนให้เกษตรกรลดการปลูกพืชที่ใช้น้ำมาก หรือปลูกข้าวนาปรัง เพราะคาดว่าปัญหาภัยแล้งอาจมีความรุนแรงสูง รัฐบาลจึงต้องเตรียมมาตรการมารองรับและบรรเทาความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับเกษตรกร แต่ต้องพิจาณาความช่วยเหลือให้เหมาะสม
ทั้งนี้ รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังจะมีมาตรการภาษีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปีนี้ด้วยการให้บุคคลธรรมดานำรายจ่ายค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการในระหว่างวันที่ 25-31 ธ.ค.58 จากผู้ประกอบกิจการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม มาหักเป็นค่าลดหย่อนในภารคำนวณภาษีเงินได้ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 1.5 หมื่นบาท ไม่รวมถึงการซื้อสุรา เบียร์ ไวน์ ยาสูบ น้ำมันและก๊าซสำหรับเติมยานพาหนะ รถยนต์ รถจักรยานยนต์ เรือ โดยผู้มีเงินได้ต้องมีหลักฐานการซื้อสินค้าหรือรับบริการเป็นใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบตามมาตรา 86/4 แห่งประมวลรัษฎากร