"สมคิด"เผยช่วง 1 ปี 6 เดือนที่เหลือของรัฐบาลมุ่งสร้าง ศก.ฐานรากเข้มแข็ง

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday December 24, 2015 12:21 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวในการประชุมเชิงปฏิบัติการจัดทำแผนประชารัฐเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากว่า ถือเป็นความตั้งใจของรัฐบาลที่จะผลักดันโครงการต่างๆ ในรูปแบบประชารัฐภายในระยะเวลาที่เหลือของรัฐบาลอีก 1 ปี 6 เดือน เพื่อช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก สร้างความเข้มแข็งให้กับหมู่บ้านและชุมชน

นายสมคิด กล่าวว่า หากจะสร้างระบบเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งต้องสร้างการเติบโตจากภายใน เพราะหากจะอัดฉีดเม็ดเงินเพื่อช่วยเหลือประชาชนลงไปเรื่อยๆ เพื่อหวังกระตุ้นเศรษฐกิจอาจทำให้เกิดปัญหาในอนาคต จึงจำเป็นต้องแก้ปัญหาที่ตัวโครงสร้าง ซึ่งสิ่งที่รัฐบาลให้ความสำคัญ คือ ชนบท ตำบล หมู่บ้าน ที่ต้องคิดค้นว่าจะทำอย่างไรให้สินค้าในชุมชนได้มาตรฐาน ค้าขายผ่านออนไลน์ได้ ขณะที่ต้องเร่งสร้างการท่องเที่ยวในชุมชนต่างๆ เพราะแหล่งท่องเที่ยวของไทยไม่ได้มีแค่สมุย ภูเก็ต หรือเชียงใหม่เท่านั้น

ทั้งนี้ ประเทศไทยมีปัญหาเชิงโครงสร้างที่อ่อนแอ ดังนั้น ต้องเร่งปฎิรูปเพื่อแก้ปัญหา โดยเริ่มจากกลุ่มที่อ่อนแอที่สุด คือ ประชาชนระดับฐานราก รัฐบาลจึงใช้กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองเป็นเครื่องมือในการแก้ปัญหาเหมือนกับทุกรัฐบาล โดยให้ผู้นำชุมชนที่เข้มแข็งมาเป็นแกนนำในการพัฒนาท้องถิ่น เพื่อให้ความเป็นอยู่ของประชาชนฐานรากดีขึ้น ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นในการทำงานของรัฐบาลมากขึ้น สะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค และดัชนีอุตสาหกรรมที่เริ่มฟื้นตัวดีขึ้น รวมทั้งดัชนีความเชื่อมั่นในอีก 3 เดือนข้างหน้าก็ปรับตัวดึขึ้นสูงสุดในรอบ 12 เดือน

และรัฐบาลยังคงเดินหน้าแก้ปัญหาความไม่สมดุลในระบบเศรษฐกิจไทย ผ่านการสร้างอุตสาหกรรมคลัสเตอร์ ควบคู่กับการสร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจฐานราก และการเติบโตจากท้องถิ่น โดยทางกระทรวงการคลังได้สนับสนุนงบประมาณส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับหมู่บ้าน กองทุนละ 1 ล้านบาท เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียน ให้กับกองทุนหมู่บ้าน ฯ เพื่อให้สมาชิกกู้ยืมในวงเงิน 60,000 ล้านบาท ผ่านทางธนาคารออมสิน และ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร( ธ.ก.ส.)

นอกจากนี้รัฐบาลได้มอบให้ผู้นำชุมชนเดินหน้าคิดโครงการที่จะพัฒนาท้องถิ่นของชุมชนท้องถิ่นของตนเองไว้ล่วงหน้า และหากโครงการใดมีความพร้อมสามารถที่จะเสนอโครงการมาที่รัฐบาลเพื่อได้จัดสรรงบประมาณลงไป เช่น หากหมู่บ้านใดต้องการสร้างยุ้งฉาง เพื่อเก็บผลผลิตทางการเกษตรก็สามารถเสนอมา หรือการพัฒนาการท่องเที่ยวท้องถิ่น เป็นต้น

"เราต้องการให้เงินเหล่านี้พัฒนาโครงการของชุมชน ไม่ใช่กู้ไปใช้เพื่อส่วนตัว" นายสมคิด กล่าว

นอกจากนี้ รัฐบาลจะทำงานคู่ขนานทั้งแนวตดิ่งผ่านทางกระทรวงมหาดไทย จังหวัด ตำบล และการทำงานแนวนอน ทำงานผ่านผู้นำชุมชน หมู่บ้าน และจะดึงภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาโครงการประชารัฐ ซึ่งขณะนี้ภาคเอกชนให้การตอบรับเข้ามา ที่จะนำสินค้าของชุมชน หรือ โอทอป มาจำหน่ายในสถานีปั้มน้ำมันให้กับสินค้าเหล่านี้ด้วย

นายสมคิด กล่าวว่า ตั้งแต่ตนเองเข้ามารับตำแหน่งและดูแลด้านเศรษกิจนั้น ไทยเผชิญกับปัญหาหลักทั้งเศรษฐกิจโลกชะลอตัวที่ส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกและราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ กระทบต่อกำลังซื้อของประชาชนฐานรากที่มีถึง 20-30 ล้านคน ที่เป็นเกษตรกร เมื่อราคาสินค้าเกษตรตกต่ำจนทำให้เกิดความเดือดร้อน ยากจน ประชาชนส่วนใหญ่ไม่มีอำนาจซื้อ สิ่งที่ตามมาคือ เงินทองในระบบก็ขาดหายไป ในระดับบน การค้าการขายไม่หมุนเวียน อุปสงค์โดยรวมในตลาดลดง

นายสมคิด กล่าวว่า ไทยขาดความสามารถในการพัฒนาสินค้า เนื่องจากสินค้าที่เคยเติบโตดีนั้นเริ่มลดลง เนื่องจากไม่มีการพัฒนาด้านนวัตกรรมใหม่ๆ ซึ่งหากประเทศไทยไม่มีการพัฒนาก็จะตกไปเรื่อยๆ ที่ผ่านมาตนเองไม่โทษการบริหารงานของรัฐบาลที่ผ่านมา แต่โทษระบบการเมือง

"ผมไม่โทษรัฐบาลที่ผ่านมา แต่โทษการเมืองของเราที่เปลี่ยนรัฐบาลเป็นว่าเล่น ทำให้นโยบายไม่เคยต่อเนื่อง มีการต่อสู้กันเพื่อเอาชนะกัน จึงทำให้ไม่มีเวลามาคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ เพราะอยู่กับความขัดแย้งกันในประเทศ"นายสมคิด กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ