ส่วนความคืบหน้าในการจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ของรัฐบาล รุ่นอายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ย 3% วงเงิน 5 หมื่นล้านบาท ที่เปิดจำหน่ายตั้งแต่ 19 ต.ค.58-29 ก.พ.59 นั้น พบว่ายอดการจำหน่าย ณ วันที่ 18 ธ.ค.58 อยู่ที่ 4.4 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็น 86% ของวงเงินที่จำหน่าย ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จไปได้ด้วยดี โดยระยะเวลาการจำหน่ายที่กำหนดไว้ค่อนข้างนานนั้น เนื่องจากวัตถุประสงค์หลักเพื่อรองรับรายย่อยมากกว่า และไม่ได้เปิดจำหน่ายให้รายใหญ่แต่อย่างใด
รองผู้อำนวยการ สบน. ยังกล่าวถึงกรณีบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ Standard and Poor’s (S&P) ได้คงอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทยไว้ที่ BBB+ นั้น ถือว่ายังอยู่ในระดับเดียวกับที่ได้รับการจัดอันดับในปีที่ผ่านมา โดยปัจจัยบวกน่าจะมาจากภาคต่างประเทศของไทยที่แข็งแกร่ง เงินทุนสำรองที่อยู่ในระดับสูง สภาพคล่องจากเงินตราต่างประเทศแข็งแกร่ง สามารถรองรับภาวการณ์ไหลเข้าออกของเงินทุนได้เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ดี ประเทศไทยยังมีจุดอ่อน ซึ่งเป็นปัญหาเดิม คือ การเมืองที่ถือว่าหลีกเลี่ยงได้ยาก รวมถึงปัญหาในเชิงโครงสร้างเศรษฐกิจที่ไทยยังไม่สามารถขยับจากการเป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลาง เป็นประเทศที่มีรายได้สูงได้
"เรื่องปัญหาเชิงโครงสร้าง คงต้องใช้เวลาสักระยะในการใช้นโยบายการคลังในการแก้ปัญหา ซึ่งต้องเป็นการปฏิรูปเพื่อทำให้รัฐบาลมีรายได้จากภาษีที่มั่นคง และสามารถรองรับการพัฒนาเศรษฐกิจในอนาคตได้" นายธีรัชย์ กล่าว