ขณะที่ CPI ทั้งปี 58 หดตัว -0.90% จากคาดการณ์ -1 ถึง -0.2% โดยมีสาเหตุหลักมาจากการลดลงของราคาน้ำมันเชื้อเพลิงขายปลีกในประเทศ ที่ปรับลดลงอย่างต่อเนื่องตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกจากสถานการณ์อุปทานน้ำมันดิบล้นตลาด และการลดลงของค่าอัตราค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ (Ft) ตามต้นทุนก๊าซธรรมชาติในตลาดโลกที่ลดลง ประกอบกับภาครัฐมีมาตรการดูแลค่าครองชีพอย่างใกล้ชิด โดยการตรึงราคาจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค และจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคราคาประหยัด ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อปี 58 ลดลงอย่างต่อเนื่อง
ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน(Core CPI) เดือน ธ.ค.58 อยู่ที่ 106.11 ขยายตัว 0.68% เมื่อเทียบกับเดือน ธ.ค.57 แต่หดตัว -0.02% เมื่อเทียบกับ พ.ย.58 ส่งผลให้ Core CPI ทั้งปี เพิ่มขึ้น 1.05%
สำหรับดัชนีราคาสินค้าหมวดอาหารและเครื่องดื่มในเดือน ธ.ค.58 อยู่ที่ 114.13 เพิ่มขึ้น 0.83% เมื่อเทียบกับธ.ค.57 แต่หดตัว -0.26% เมื่อเทียบกับพ.ย.58 ตามการลดลงของราคา ผักสด ได้แก่ มะเขือเทศ ผักคะน้า ผักชี หัวผักกาดขาว ถั่วลันเตา ผักกาดขาว กะหล่ำปลี ผลไม้สด ได้แก่ ส้มเขียวหวาน มะละกอสุก แอ๊ปเปิ้ล องุ่น ฝรั่ง อาหารสดประเภท เนื้อสุกร ปลาน้ำจืด ไข่ไก่ ข้าวสารเหนียว และสินค้าประเภทเครื่องปรุงอาหาร อาทิ น้ำมันพืช และกะทิสำเร็จรูป รวมทั้งการลดลงของราคาอาหารสำเร็จรูป สำหรับสินค้าที่มีราคาสูงขึ้น ได้แก่ ผักแปรรูป เช่น หัวหอมแดง กระเทียม พริกแห้ง เครื่องปรุงรส ได้แก่ ซีอิ๊ว เกลือป่น น้ำปลา และปลาน้ำทะเล เช่น ปลากะพง ปลาทู และกุ้งขาว
ส่วนดัชนีราคาสินค้าที่ไม่ใช่หมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์อยู่ที่ 101.24 หดตัว -1.78% จากเดือน ธ.ค.57 และหดตัว -0.45% จากเดือน พ.ย.58 จากการลดลงของราคา น้ำมันเชื้อเพลิง ได้แก่ แก๊สโซฮอล์ 91 95 E20 E85 น้ำมันดีเซล น้ำมันเบนซิน 95 ค่าโดยสารเรือ และค่าธรรมเนียมผ่านทางพิเศษ ( มติที่ประชุมยกเว้นค่าธรรมเนียมผ่านทางพิเศษช่วงปีใหม่ตั้งแต่วันที่ 25ธ.ค.58 – 3 ม.ค. 59 ) น้ำยาปรับผ้านุ่ม น้ำยาล้างห้องน้ำ น้ำยาล้างจาน น้ำยารีดผ้า ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดพื้น (น้ำยาถูพื้น) สบู่ถูตัว น้ำหอม และลิปสติก สำหรับสินค้าและบริการที่ราคาสูงขึ้น ได้แก่ วัสดุก่อสร้าง (แผ่นไม้อัด เหล็กแผ่นเคลือบสังกะสี กระเบื้องซีเมนต์ใยหินมุงหลังคา ) ค่าเช่าบ้าน ค่ายา (ยาแก้ไข้หวัด ยาลดกรดในกระเพาะอาหาร ยาแก้ปวดลดไข้ ยาแก้ไอ ) และค่าของใช้ส่วนบุคคล ( น้ำยาระงับกลิ่นกาย แป้งทาผิวกาย ผ้าอนามัย น้ำมันใส่ผม ยาสีฟัน แชมพูสระผม )
ส่วนปี 59 กระทรวงพาณิชย์ คงคาดการณ์ CPI โต 1-2% จากสมมติฐาน GDP โต 3-4% ราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ระหว่าง 48-54 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล และ อัตราแลกเปลี่ยนอยู่ระหว่าง 36–38 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
นายสมเกียรติ ตรีรัตนพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า จะต้องติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกอย่างใกล้ชิด เพราะล่าสุดราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเฉลี่ยของเดือน ธ.ค.58 อยู่ที่ 34.52 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งต่ำกว่าระดับที่กระทรวงพาณิชย์ตั้งไว้เป็นสมมติฐานในปี 59 ที่ระดับ 48-54 ดอลลาร์/บาร์เรลแล้ว จึงทำให้ยังไม่แน่ใจว่าเงินเฟ้อในช่วงไตรมาส 1 ของปีนี้จะกลับมาเป็นบวกได้หรือไม่ เพราะต้องขึ้นกับสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเป็นสำคัญ
"เงินเฟ้อไตรมาส 1 ปีนี้ก็มีโอกาสจะเป็นบวกได้ แต่ยังไม่แน่ใจนัก เพราะตอนนี้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกลงมาต่ำกว่าที่เราคาดการณ์ไว้เดิมที่ 48-54 ดอลลาร์/บาร์เรลแล้ว เรากลัวว่าราคาจะลงต่อไปอีก แต่ถ้ายังอยู่ในกรอบเดิม เงินเฟ้อก็น่าจะเป็นบวกได้" นายสมเกียรติ กล่าว
พร้อมระบุว่า นอกจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่เป็นปัจจัยกดดันสำคัญต่ออัตราเงินเฟ้อแล้ว ยังมีเรื่องของราคาสินค้าเกษตรที่จะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญด้วยเช่นกัน เนื่องจากสินค้าเกษตรบางรายการ โดยเฉพาะยางพาราก็จะมีราคาลดลงด้วยเช่นกัน ซึ่งเป็นไปตามสถานการณ์ของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก
นายสมเกียรติ กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์จะมีการประเมินอัตราเงินเฟ้อของปีนี้ใหม่ทุก 3 เดือน โดยครั้งต่อไปจะคาดการณ์แนวโน้มเงินเฟ้อในปี 59 อีกครั้งในช่วงเดือน มี.ค.59
อย่างไรก็ดี อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยในรอบปี 58 ซึ่งอยู่ที่ระดับ -0.90% นั้น ถือว่าลดลงต่ำสุดในรอบ 6 ปี นับตั้งแต่ปี 52 ซึ่งในปีนั้น อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ -0.90% เช่นเดียวกัน