ตลอดทั้งวันเงินบาทยังแกว่งตัวอยู่ในกรอบแคบๆ เพราะวันนี้ยังไม่มีปัจจัยที่จะส่งผลต่อตลาดเงินมากนัก โดยช่วงเย็นนี้อาจต้องติดตามการประกาศอัตราเงินเฟ้อ(CPI)เดือนธ.ค.58 ของเยอรมนี และคืนนี้สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ(ISM) จะรายงานดัชนีภาคการผลิตเดือนธ.ค.58
นักบริหารเงิน คาดว่า พรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 36.05 - 36.25 บาท/ดอลลาร์
- ปัจจัยสำคัญ
- ปิดตลาดเย็นนี้ เงินเยนอยู่ที่ระดับ 118.50 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 119.55/60 เยน/ดอลลาร์
- ส่วนเงินยูโร ช่วงเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 1.0748 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.0823/0827 ดอลลาร์/ยูโร
- ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,253.34 ลดลง 10.07 จุด (-0.80%) โดยมีมูลค่าการซื้อขาย 45,356 ล้านบาท
- สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 3,641.70 ลบ.(SET+MAI)
- นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 59 ว่าจะขยายตัวได้ 3.0-3.5% ซึ่งขึ้นอยู่กับการใช้จ่ายลงทุนของภาครัฐเป็นสำคัญ ขณะที่มองว่าการส่งออกของไทยในปีนี้จะเติบโตราว 2% พลิกกลับมาเป็นบวกได้หลังจากที่ในปี 58 ติดลบไปราว 5%
- สมาคมผู้ค้าปลีกแห่งประเทศไทย มองว่า มาตรการลดหย่อนภาษีช้อปช่วยชาติ ที่รัฐบาลจัดขึ้นในช่วงวันที่ 25-31 ธ.ค.58 นั้น ได้ช่วยเพิ่มยอดขายให้เติบโตขึ้น 15-20% คิดเป็นมูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านบาท แต่ทั้งนี้ภาคเอกชนต้องการให้รัฐบาลมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง และขยายระยะเวลาให้นานกว่านี้
- ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์(SCB EIC) ประเมินว่าอัตราเงินเฟ้อในปี 2559 จะขยายตัวที่ระดับ 0.8% โดยแรงกดดันเงินเฟ้อในปีนี้มีน้อย เนื่องจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกยังอยู่ในระดับต่ำ ในขณะที่อุปสงค์ในประเทศฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป รวมถึงทิศทางค่าเงินบาทที่อ่อนค่ามีส่วนทำให้เงินเฟ้อขยายตัว ซึ่งโดยรวมแล้วแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อไม่ได้เร่งตัวรวดเร็วมากนัก จึงทำให้สามารถดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่อไปได้
- สื่อต่างประเทศ รายงานว่าธนาคารกลางจีนวางแผนที่จะอัดฉีดเงินมูลค่า 1.30 แสนล้านหยวน หรือ 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐเข้าสู่ระบบการเงินในวันนี้ เพื่อลดความตื่นตระหนกของนักลงทุน หลังจากที่ตลาดหุ้นจีนถูกกระหน่ำขายอย่างหนักถึง 7% เมื่อวาน(4 ม.ค.) จนทำให้ตลาดหุ้นจีนตัดสินใจใช้ "เซอร์กิต เบรกเกอร์" เพื่อลดความผันผวนของตลาด
- ธนาคารกลางฟิลิปปินส์ เปิดเผยว่า ธนาคารกลางฟิลิปปินส์ยังไม่เห็นความจำเป็นในการปรับเปลี่ยนนโยบายการเงิน แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อของฟิลิปปินส์ปรับตัวขึ้นในเดือนธ.ค. และแนวโน้มที่ราคาผู้บริโภคจะเพิ่มขึ้นในเวลาต่อไปนั้นยังคงอยู่ในระดับสูง
ล่าสุด สำนักงานสถิติแห่งชาติฟิลิปปินส์ (PSA) เปิดเผยว่า อัตราเงินเฟ้อเดือนธ.ค.พุ่งขึ้นแตะระดับ 1.5% จากเดือนพ.ย.ที่ระดับ 1.1% โดยอัตราเงินเฟ้อเดือนธ.ค.สูงสุดในรอบ 7 เดือน และปรับตัวขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากความต้องการอาหารและเชื้อเพลิงที่ปรับตัวสูงขึ้น
- สำนักงานแรงงานของรัฐบาลกลางเยอรมนี (BA) เปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานเดือนธ.ค.58 ปรับตัวลดลง 14,000 รายจากเดือนก่อนหน้า ซึ่งลดลงมากกว่าที่ได้มีการคาดการณ์ไว้ว่าจะลดลงไม่ถึง 10,000 ราย ทั้งนี้ อัตราว่างงานทรงตัวที่ระดับ 6.3% ทำสถิติต่ำสุดในรอบ 24 ปี ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของตลาดแรงงานของเยอรมนี