สภาพัฒน์ มั่นใจ GDP ปีนี้โต 3-4% ชี้หัวใจสำคัญคือการลงทุนภาครัฐ จับตา 3 ปัจจัยเสี่ยง

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday January 6, 2016 14:33 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายปรเมธี วิมลศิริ เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) กล่าวในงานสัมมนาเรื่อง "เศรษฐกิจไทยปี 2559 มองไปข้างหน้าโอกาสและความท้าทาย"ว่า ในปี 2559 นี้สศช.ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ราว 3-4% ซึ่งจะเป็นการเติบโตที่ดีขึ้นกว่าปี 2558 อย่างแน่นอน โดยในปี 58 ที่ผ่านมา ตัวเลขอย่างเป็นทางการใน 3 ไตรมาสพบว่าเศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ 2.9% และทั้งปีก็มีโอกาสจะใกล้เคียงกับระดับนี้ แต่อย่างไรก็ดี ต้องรอการประกาศตัวเลขอย่างเป็นทางการในเดือนก.พ.59
"ไตรมาส 4 ปี 58 GDP จะโตได้มากหรือน้อยกว่า 2.9% นั้น คงต้องมารอการรายงานอย่างเป็นทางการในเดือนก.พ.นี้ แต่จากตัวเลขล่าสุดใน 2 เดือน(ต.ค.-พ.ย.58) ก็ยังได้ภาคการท่องเที่ยวเป็นพระเอก และถือว่าช่วยเศรษฐกิจมาทุกปี ขณะที่มาตรการช้อปช่วยชาติก็น่าจะมีส่วนช่วยเรื่องการใช้จ่ายได้ รวมถึงการซื้อรถยนต์ในช่วงปลายปีก่อนที่จะปรับขึ้นภาษี แต่ที่ไม่ค่อยดี คือเรื่องส่งออกที่ล่าสุดเดือนพ.ย.ติดลบไป 6% คงไปบังคับได้ยากเพราะขึ้นกับเศรษฐกิจโลก ต้องรอดูตัวเลขเดือนธ.ค.อีก 1 เดือน" เลขาธิการ สศช.กล่าว

สำหรับปัจจัยเสี่ยงสำคัญในปี 59 ประกอบด้วย 3 เรื่องสำคัญ คือ 1.เศรษฐกิจโลก โดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(IMF) ประเมินว่าในปีนี้เศรษฐกิจโลกจะเติบโตได้ 3.6% ส่วนเศรษฐกิจสหรัฐฯ เติบโตได้ 2.7% และเศรษฐกิจจีน เติบโต 6.7% ซึ่งหากสถานการณ์จริงไม่เป็นไปตามที่ IMF คาดการณ์ไว้ ก็จะถือว่าเศรษฐกิจโลกปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญปัจจัยหนึ่ง 2.ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ซึ่งหากแนวโน้มราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นในปีนี้ก็จะส่งผลดีต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์ และช่วยหนุนการเติบโตของเศรษฐกิจได้ และ 3.ปัญหาภัยแล้งและสภาพภูมิอากาศ ซึ่งจะมีผลต่อราคาสินค้าเกษตร

นายปรเมธี กล่าวด้วยว่า สำหรับในด้านการบริโภคและการใช้จ่ายของประชาชนนั้น เชื่อว่าในปีนี้ความมั่นใจของผู้บริโภคในการออกมาจับจ่ายใช้สอยจะมีมากขึ้น และน่าจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของอัตราเงินเฟ้อที่จะกลับมาเป็นบวกได้ 1% จากที่ในปี 58 เงินเฟ้อติดลบ 0.9% พร้อมมองว่า สิ่งที่ต้องการเห็นในปีนี้คือการลงทุนกลับเข้ามามากขึ้น โดยมองว่าหัวใจสำคัญคือการลงทุนของภาครัฐเองที่จะเป็นตัวนำให้เกิดการลงทุนของภาคเอกชนตามมา

ด้านนางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวถึงเป้าหมายสำหรับการท่องเที่ยวในปี 2559 โดยคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยในปีนี้ราว 32 ล้านคน คิดเป็นรายได้ 1.67 ล้านล้านบาท ซึ่งเมื่อรวมรายได้ของทั้งนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศและในประเทศเองแล้วคาดว่าจะอยู่ที่ 2.3 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากในปี 2558 ที่มีรายได้รวมจากการท่องเที่ยว 2.2 ล้านล้านบาท ขณะที่ในปี 2560 ได้ตั้งเป้ารายได้จากการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นเป็น 2.5 ล้านล้านบาท

รมว.ท่องเที่ยวฯ กล่าวว่า เป้าหมายด้านการท่องเที่ยวตามยุทธศาสตร์ที่วางไว้คือ 1.สร้างการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน เน้นคุณภาพเป็นหลัก และยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อให้เกิดความสมดุลระหว่างเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม 2.เป็นการกระจายรายได้ และลดความเหลื่อมล้ำ และ 3.ปลูกจิตสำนึกรักบ้านเกิด สร้างความภาคภูมิใจในท้องถิ่นของตนเองให้ดูแลรักษาภูมิลำเนา ตลอดจนรักและเข้าใจประเทศไทย

"เป้าหมายของเราคือจะเน้นเรื่องคุณภาพเป็นหลัก จะเพิ่มรายได้ต่อหัวจากนักท่องเที่ยวให้มากขึ้น โดยใช้ทรัพยากรธรรมชาติให้น้อยที่สุดเท่าที่จำเป็น แต่จะไม่เน้นการเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยว" รมว.ท่องเที่ยวฯ ระบุ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ