นอกจากนี้ ทางการจีนยังกำหนดค่าเงินหยวนอ่อนค่าต่อเนื่อง ทำให้ตั้งแต่ต้นปีเงินหยวนที่ซื้อขายในประเทศจีน (CNY) และที่ซื้อขายในตลาดต่างประเทศ (CNH) อ่อนค่าไป 1.5% และ 1.9% ตามลำดับ รวมถึงผลจากความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) ที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นทั้งความขัดแย้งระหว่างซาอุดิอาระเบียและอิหร่าน และการทดลองระเบิดปรมาณูของเกาหลีเหนือ ปัจจัยต่างๆ ดังกล่าวส่งผลให้ความเชื่อมั่นโดยรวมของตลาดการเงินโลกอ่อนแอลง และกดดันตลาดหุ้นและค่าเงินภูมิภาคปรับอ่อนค่าลง
นางจันทวรรณ กล่าวด้วยว่า สำหรับค่าเงินบาทตั้งแต่ต้นปีเคลื่อนไหวในกรอบ 36.08-36.35 บาท/ดอลลาร์ โดยอ่อนค่าลงประมาณ 0.7% นับจากสิ้นปีที่แล้ว ซึ่งการอ่อนค่าของเงินบาทดังกล่าวถือว่าสอดคล้องกับค่าเงินภูมิภาคท่ามกลางความเสี่ยงในตลาดการเงินโลกที่มีมากขึ้น
อย่างไรก็ดี ในขณะนี้ยังไม่พบว่ามีสัญญาณความผิดปกติหรือความตื่นตระหนกเกิดขึ้นในตลาด สำหรับภาคเอกชนควรติดตามสถานการณ์ความผันผวนของตลาดการเงินโลกอย่างใกล้ชิด และพิจารณาป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนไว้ล่วงหน้า เพื่อรองรับกับความผันผวนที่มีแนวโน้มว่าจะคงอยู่ในระดับสูงต่อไป