รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ผ่านมาการช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ได้มุ่งเน้นไปในภาคอุตสาหกรรมและภาคบริการเป็นส่วนใหญ่ แต่ปีนี้รัฐบาลจะพุ่งเป้าโดยให้ความสำคัญกับการสร้าง SMEs ภาคเกษตรกรรม ซึ่งรัฐบาลต้องการสร้างขึ้นมาเป็นผู้ประกอบการรายย่อย โดยเฉพาะในกลุ่มเกษตรอุตสาหกรรม เพื่อช่วยในการพัฒนาสินค้าเกษตร สร้างความหลากหลายในการพัฒนาการเพาะปลูก และการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่สินค้าเกษตร
"เป้าหมายนี้ เราเห็นชอบร่วมกันทั้ง ธ.ก.ส. ออมสิน และกองทุนหมู่บ้านฯ ว่าถ้าเราสร้างขึ้นมาได้ พวกเขาเหล่านี้ที่เป็นผู้ประกอบการใหม่ที่มาจากภาคเกษตร จะเป็นกำลังสำคัญที่จะเป็นผู้นำและสร้างความเปลี่ยนแปลงให้แก่ภาคเกษตรของประเทศ และเป็นพี่เลี้ยงให้เกษตรกรได้มีตัวอย่างว่า สินค้าที่ปลูกนี้จะทำให้ดีขึ้นได้อย่างไร สร้างความหลากหลายอย่างไร แปรรูปอย่างไร ค้าขายให้ทันโลกได้อย่างไร" นายสมคิด กล่าว
โดยในปีนี้ ธ.ก.ส.ได้เสนอโครงการ 1 ตำบล 1 ผู้ประกอบการ SMEs เกษตรอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นการสร้างผู้ประกอบการใหม่ขึ้นมานำร่องและให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในระดับฐานราก ซึ่งเป็นสิ่งที่สภาเกษตรกรได้ให้การสนับสนุนเป็นอย่างมาก โดยจะมีการระดมพลเกษตรกรเพื่อสร้างการรับรู้ใหม่ๆ และให้ธนาคาร และกองทุนหมู่บ้านฯคอยให้การสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง
ขณะเดียวกันในภาคเกษตรโดยรวมนั้นจะเข้าไปช่วยเหลือ โดยการให้ ธ.ก.ส.เข้าไปช่วยจัดหาปัจจัยการผลิตให้แก่เกษตรกรพื้นที่ที่ประสบปัญหาภัยแล้ง โดยอาจจะเป็นการช่วยเหลือในเรื่องรูปแบบของการจัดสรรงบประมาณ หรือการให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ เพื่อให้เกษตรกรได้มีการปลูกพืชอื่นทดแทนและที่มีตลาดรองรับอย่างแน่นอน ซึ่งจะเป็นการช่วยสร้างรายได้เสริมให้แก่เกษตรกรในช่วงเวลาที่ไม่สามารถเพาะปลูกพืชหลักเช่นข้าวได้ นอกจากนี้สิ่งที่จะต้องทำควบคู่กันไปคือ ด้านการจำหน่าย ซึ่งหอการค้าไทยจะช่วยไปเจรจากับห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ เพื่อให้ช่วยรับซื้อสินค้าดังกล่าวจากเกษตรกร ทั้งนี้เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่เกษตรกรว่าเมื่อมีการการปลูกพืชอื่นทดแทนแล้วจะมีตลาดรองรับอย่างแน่นอน
"ทางด้านหอการค้าฯ จะเป็นโต้โผใหญ่ในด้านผู้รับซื้อ เขาจะไปเจรจากับ Modern Trade ให้ ส่วน ธ.ก.ส. และออมสิน จะไปดูแลในด้านของผู้ผลิต ซึ่ง SMEs ภาคเกษตรนี้จะเป็นเถ้าแก่น้อยเล็กๆ สร้างเขาขึ้นมาให้แข็งแรงและก้าวต่อไปข้างหน้าได้ เพื่อเป็นตัวอย่างให้กับเกษตรกรทั้งส่วน" นายสมคิด กล่าว
รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ส่วนธนาคารออมสินนั้นได้เสนอเรื่องการสร้าง Start Up Thailand ซึ่งเป็นผู้ประกอบการ SMEs เมล็ดพันธุ์ใหม่จริงๆ ที่จะมาร่วมกันสร้างเศรษฐกิจของประเทศให้สามารถเดินไปข้างหน้าได้ และก้าวไปสู่สังคมของการเป็นผู้ประกอบการมากขึ้น ซึ่งรัฐบาลหวังไว้ว่าปีนี้จะเป็นปีแห่งการปฏิรูปภาคเกษตรอย่างแท้จริง โดยโครงการนี้จะมี SME Bank และกระทรวงอุตสาหกรรมเข้ามาช่วยเสริมการทำงานด้วย
"รมว.คลัง เร่งที่จะดำเนินการให้เร็วที่สุด เพราะเวลามีน้อยแค่ปีเดียว คิดนานไม่ได้ ต้องคิดเร็ว ทำเร็ว...ไตรมาส 1-2 ปีนี้ มาตรการในส่วนของกองทุนหมู่บ้านล็อตใหม่จะทยอยออกมาเพิ่มเติม แต่ทั้งนี้จะไม่ใช่แค่การปล่อยสินเชื่อเท่านั้น แต่ต้องเป็นการออกมาตรการเพื่อสร้างฐานให้อนาคตที่มั่นคง และเกิดการหมุนเวียนในกิจกรรมทางเศรษฐกิจ" นายสมคิด กล่าว
โดยภายในปีนี้จะได้เห็นกองทุน Start Up สำหรับผู้ประกอบการ SMEs หน้าใหม่ โดยกระทรวงการคลังจะเข้ามาเป็นหลักในการจัดตั้งกองทุนดังกล่าว