ส่วนที่รัฐบาลได้ตั้งเป้าหมายให้ปีนี้เป็นปีแห่งการลงทุนนั้น นายชาติศิริ กล่าวว่า สิ่งที่รัฐบาลกำลังดำเนินโครงการลงทุนในด้านต่างๆ นั้น ภาคเอกชนจะช่วยตอบสนองและทำให้การลงทุนเกิดขึ้นและสัมฤทธิ์ผลได้ในปีนี้
อย่างไรก็ดี ในที่ประชุมวันนี้ภาคเอกชนไม่ได้มีข้อเรียกร้องหรือขอรับสิทธิเพิ่มเติมที่จะจูงใจให้มีการลงทุนเพิ่มมากขึ้น แต่เป็นเพียงการหารือเพื่อทำความเข้าใจร่วมกันให้มากขึ้นถึงแนวทางว่าทำอย่างไรที่จะให้เป็นประโยชน์มากสุดต่อแนวนโยบายภาครัฐ เพื่อให้เกิดการลงทุนให้ได้ในปีนี้
ส่วนสถานการณ์เศรษฐกิจภายนอกที่ยังไม่ดีนักจะส่งผลให้เอกชนไม่ค่อยดีนักจนทำให้เอกชนไม่กล้าลงทุนหรือไม่นั้น นายชาติศิริ กล่าวว่า ปัจจัยภายนอกเป็นสิ่งที่ภาคเอกชนประเมินไว้อยู่แล้ว ดังนั้นสิ่งที่สำคัญมากกว่านั้นคือ การทำให้การลงทุนเกิดขึ้นได้จริง และให้ไทยสามารถเป็นศูนย์กลางการลงทุนในภูมิภาค หรือเป็น Global Supply Chain และขับเคลื่อนเศรษฐกิจไปด้วยกันจนถึงรากหญ้า
สำหรับประเด็นเรื่องการเชิญชวนให้เอกชนเข้ามาร่วมลงทุนกับภาครัฐในกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานนั้น นายชาติศิริ กล่าวว่า ที่ประชุมยังไม่ได้มีการหารือกันในวันนี้ แต่มองว่าสิ่งใดที่ภาคเอกชนมีความพร้อมและสามารถทำได้ก็มีโอกาสที่จะดำเนินการ เพราะมองว่าประเทศไทยมีสัดส่วนการออมที่ดีและเหมาะสมที่จะนำมาใช้ในการลงทุนให้เป็นประโยชน์ต่อประเทศได้
ด้านนายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้จัดการ บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท เปิดเผยว่า ได้เสนอให้ รมว.คลัง พิจารณาถึงการคืนภาษีให้กับผู้ประกอบการ(เครดิตภาษี) ที่เข้าร่วมโครงการบ้านประชารัฐ เพื่อนำเงินมาลงทุนผ่านโครงการดังกล่าว โดยเบื้องต้นผู้ประกอบการส่วนใหญ่สนใจลงทุนก่อสร้างในรูปแบบของคอนโดมิเนียม ซึ่งหากก่อสร้างบนพื้นที่ราชพัสดุของกรมธนารักษ์จะมีราคาอยู่ที่ยูนิตละ 600,000 บาท แต่หากสร้างบนพื้นที่เอกชนจะอยู่ที่ยูนิตละ 800,000 บาท ดังนั้นคงต้องรอให้รัฐบาลมีข้อสรุปในเรื่องนี้อีกครั้ง