ทั้งนี้ การใช้ ยางพาราธรรมชาติมาใช้เป็นส่วนผสมในขั้นตอนของการฉาบผิวถนนหรือพาราสเลอรีซิลนั้นจะมีการกำหนดเงื่อนไขในการประกวดราคา แตกต่างกับการใช้แอสฟัลต์คอนกรีต (asphalt concrete) ซึ่งไม่มีปัญหาในการประกวดราคา แต่ยอมรับว่าในภาพรวมจะทำให้งบประมาณในการก่อสร้างเพิ่มขึ้น แต่อายุการใช้งานของถนนที่ใช้พาราแอสฟัลติก จะยาวนานกว่า
นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รมช.คมนาคมกล่าวว่า ได้มอบหมายให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) สรุปข้อมูลการใช้ยางพาราสำหรับทำถนนบริเวณที่เป็นจดตัดกับทางรถไฟ จากเดิมที่ใช้บล็อคคอนกรีต ให้ปรับมาเป็นพาราแอสฟัลติกทั้งหมด ซึ่งมีคุณสมบัติแข็งแรงทนทานกว่า ทั้งนี้ การใช้ยางพารามาทำผิวถนนนั้น จะใช้ส่วนที่เป็นน้ำยางข้น ซึ่งมีสัดส่วนประมาณ 30% อีก 70% จะเป็นยางแผ่นโดยภาพรวมของกระทรวงคมนาคม คาดว่าในปี 2559 จะใช้ยางพาราประมาณ 60,000 ตัน