ส่งผลให้ส่งออกรถยนต์ทั้งปี 58 เป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ 1,200,000 คัน โดยมียอดทั้งสิ้น 1,204,895 คัน เพิ่มขึ้น 6.81% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นมูลค่า 592,550.54 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.35% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ส่วนยอดขายรถยนต์ภายในประเทศของเดือนธ.ค.58 มีจำนวนทั้งสิ้น 101,424 คัน เกิน 100,000 คันเป็นครั้งแรกในรอบ 24 เดือน เพิ่มขึ้น 13.3%จากเดือนเดียวกันในปีที่แล้ว และเพิ่มขึ้น 32.7% จากเดือนพ.ย.58 เนื่องจากมียอดจองรถยนต์ในงานมหกรรมยานยนต์เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา กว่า 39,000 คัน ประกอบกับผู้บริโภคตัดสินใจเร่งซื้อรถ เนื่องจากรถบางรุ่นจะมีราคาสูงขึ้นจากการปรับโครงสร้างภาษีสรรรพสามิตรถยนต์ใหม่ โดยเฉพาะ PPV ซึ่งมียอดขายเติบโตถึง 251%
ส่งผลให้ตั้งแต่เดือนม.ค.-ธ.ค.58 รถยนต์มียอดขาย 799,592 คัน ได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ 750,000-800,000 คัน ลดลงจากปี 57 ในระยะเวลาเดียวกัน 9.3% ส่วนรถจักรยานยนต์ มียอดขาย 1,639,090 คัน ลดลง 3.67% จากเดือนม.ค.-ธ.ค.57
สำหรับจำนวนรถยนต์ทั้งหมดที่ผลิตได้ในเดือนธ.ค.58 มีทั้งสิ้น 152,692 คัน ลดลง 0.64% จากเดือนธ.ค.57 เนื่องจากผลิตเพื่อส่งออกลดลงจากปีที่แล้ว 5.12% และลดลง 6.42 % จากเดือนพ.ย.58 โดยจำนวนรถยนต์ที่ผลิตได้ในเดือนม.ค. - ธ.ค.58 มีจำนวนทั้งสิ้น 1,913,002 คัน ต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้ 1,950,000 คัน หรือ 1.9% แต่เพิ่มขึ้น 1.76% จากเดือนม.ค.-ธ.ค.57
นายสุรพงษ์ กล่าวด้วยว่า ในปี 2559 ส.อ.ท.ตั้งเป้าส่งออกรถยนต์ไว้ที่ 1.22-1.25 ล้านคัน โดยมีปัจจัยบวกจากที่คาดว่าเศรษฐกิจโลกในปีนี้จะเติบโตได้ 2.9% ส่วนยอดขายในประเทศคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 7.5-7.8 แสนคันหลังจากความต้องการซื้อส่วนหนึ่งถูกดึงไปแล้วในปี 58 จากการเร่งซื้อเพราะการขึ้นภาษี ขณะที่ยอดผลิตรถยนต์รวมทั้งปีคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 2 ล้านค้น