การกำหนดปริมาณการเพาะปลูก เพื่อไม่ให้เกิดภาวะข้าวล้นตลาดจนราคาตกต่ำ ก่อนที่จะเสนอให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จัดทำแผนในการแบ่งพื้นที่เพาะปลูก และกำหนดปริมาณข้าวขาว, ข้าวหอมมะลิ และข้าวอื่นๆ ต่อไป ส่วนพื้นที่ที่ลดการเพาะปลูก จะส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกพืชอื่นทดแทน ซึ่งกระทรวงฯได้จัดทำแผนปลูกพืชทดแทนไว้แล้วว่ามีพืชชนิดใดบ้าง
"ปริมาณข้าวที่จะผลิตออกมา 25.01 ล้านต้นข้าวเปลือก มีการประเมินแนวโน้มราคาอยู่ที่ตันละ 7,500-8,000 บาท ซึ่งราคาจะอยู่ในระดับนี้ไปอีก 2-3 ปี เพราะภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกที่ชะลอตัว ดังนั้น กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะหามาตรการเสริม ทั้งการลดต้นทุน และการส่งเสริมปลูกพืชอื่นทดแทน เพื่อให้เงินในกระเป๋าชาวนาเพิ่มขึ้น เมื่อมีการหักลบราคาขายกับต้นทุนผลิตแล้ว"
ด้านนายเจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า การลดพื้นที่เพาะปลูกข้าวในปี 59/60 นั้น ควรลดพื้นที่ปลูกข้าวนาปรัง เพราะได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง โดยหากลดการเพาะปลูกนาปรังให้เหลือ 5 ล้านตันข้าวเปลือก รวมกับผลผลิตข้าวนาปีอีก 20 ล้านตันข้าวเปลือก ก็จะสอดคล้องกับปริมาณความต้องการใช้ทั้งในประเทศและส่งออก และทำให้ราคาข้าวไม่ตกต่ำมากจนเกินไป รวมทั้งจะช่วยให้รัฐบาลสามารถระบายข้าวในสต๊อกออกมาได้คล่องตัวขึ้น เชื่อว่าปีนี้รัฐจะระบายข้าวสารในสต๊อกได้ 5 ล้านตัน
นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ ยังได้กำหนดจะจัดทำข้อมูลด้านราคาข้าวในหน้าเว็บไซต์กลาง ซึ่งจะรวบรวมราคาข้าวไทยและตลาดโลกทั้งหมด โดยมองหมายให้กรมการค้าต่างประเทศไปดำเนินการ คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนมิ.ย.นี้ รวมทั้งได้หารือถึงโครงสร้างราคาว่า ขั้นตอนของการจำหน่ายข้าวในแต่ละช่วง ตั้งแต่ชาวนาไปโรงสี และโรงสีไปผู้ส่งออก มีค่าใช้จ่ายหักทอนอย่างไร เพื่อเป็นข้อมูลในการกำหนดให้ราคาเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ส่วนมาตรการช่วยเหลือชาวนาในปี 59/60 ยังไม่ได้สรุป แต่ให้ทุกฝ่ายกลับมานำเสนอในการประชุมครั้งต่อไปวันที่ 21 ม.ค.นี้