จากการตรวจสอบพบว่า บริษัทดังกล่าวซึ่งมีนายเอริค มาร์ค เลอวีน เป็นคณะกรรมการบริษัท ได้เปิดกิจการสถานประกอบการออกกำลังกายตั้งแต่ปี 2543 - 2556 โดยให้สมาชิกจะต้องเสียค่าเข้าใช้บริการสถานที่ อุปกรณ์ออกกำลังกาย และอำนวยความสะดวกต่าง ๆ จากครูฝึก ต่อมาบริษัทดังกล่าวได้มีการปิดสาขาลง และให้สมาชิกไปใช้บริการยังสาขาอื่นแทน ซึ่งมีอุปกรณ์ไม่เพียงพอต่อสมาชิกที่ต้องการใช้บริการ ซึ่งมีจำนวนมาก จากนั้นได้ปิดตัวลงทั้งหมดในเวลาต่อมา ซึ่งพฤติการณ์ดังกล่าวถือว่าเป็นการหลอกลวงประชาชน ด้วยการแสดงข้อความเป็นเท็จ มิได้มีเจตนาจะให้บริการประชาชนจนครบกำหนดสัญญา และจากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ยังพบอีกว่า นายเอริค มาร์ค เลอวีน ยังได้กระทำการในลักษณะดังกล่าวในประเทศฮ่องกงอีกด้วย ซึ่งล่าสุดทางศาลประเทศฮ่องกง ได้มีคำสั่งปิดกิจการของนายเอริค โดยให้เหตุผลว่า เกรงจะเกิดความเสียหายของประชาชน
อีกทั้งจากการตรวจสอบยังพบว่า บริษัทดังกล่าวได้มีการโอนเงินให้กับบุคคลอื่นทั้งในและนอกประเทศ ตั้งแต่ปี 2543 - 2554 จำนวนกว่า 1,600 ล้านบาท และบริษัทดังกล่าวยังได้โอนเงินซื้อที่ดิน จำนวน 5 แปลง โดยมีบริษัม เอสเตส จำกัด เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ ซึ่งมีนายเอริค มาร์ค เลอวีน เป็นกรรมการเช่นกัน
อย่างไรก็ตามทาง ป.ป.ง. ยังคงดำเนินการขยายเส้นทางการเงินของบริษัทดังกล่าวต่อไป ซึ่งทรัพย์สินทั้งหมดที่อายัดไว้นั้น หากได้มาจากการกระทำผิดก็จะทำการขายทอดตลาด เพื่อนำเงินมาเยียวยาผู้เสียหายต่อไป