นายฐากร กล่าวว่า วันนี้นับเป็นครั้งแรกที่จัดให้มีการประชุมคณะทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาทีวีดิจิตอล โดยมีหน่วยงานที่เข้าร่วมการประชุม ได้แก่ ผู้ประกอบการทีวีดิจิตอล 24 ช่อง ,ผู้ให้บริการด้านโครงข่าย ,สถาบันการเงิน และหน่วยงานภาครัฐ เช่น สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และกระทรวงการคลัง เป็นต้น
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการทีวีดิจิตอลได้เสนอข้อเรียกร้องจำนวน 10 เรื่อง ได้แก่ การขยายระยะเวลาการชำระเงินประมูลทีวีดิจิตอล งวดที่ 3 ,การขยายระยะเวลาใบอนุญาตทีวีดิจิตอล จากเดิมมีอายุ 15 ปี เนื่องจากผู้ประกอบการต้องการให้กสทช.ทำตามสัญญาที่ให้ไว้ก่อนหน้านี้ ในเรื่องโครงข่าย และการแจกคูปองต่างๆให้ครบถ้วนเรียบร้อยก่อนจีงเริ่มนับหนึ่งของอายุใบอนุญาต ,การหยุดพักประกอบกิจการทีวิจิตอลทำได้หรือไม่ ,การชดเชยให้ผู้ประกอบที่หยุดพักการประกอบกิจการอย่างไร
รวมทั้ง เร่งการเรียงช่องทีวีให้แล้วเสร็จโดยเร็ว, การแจกคูปองทีวีดิจิตอลให้ครบ ,การประชาสัมพันธ์ต่างๆ ,การให้กสทช.เป็นผู้ดำเนินการวัดเรตติ้ง สามารถดำเนินการได้หรือไม่ ทั้งนี้ เพื่อความถูกต้องเพราะจะส่งผลกระทบต่อเม็ดเงินค่าโฆษณาของผู้ประกอบการแต่ละราย ,การลดค่าธรรมเนียม กองทุนบริการกิจการโทรคมนาคมอย่างทั่วถึง (Universal Service Obligation : USO) หรือยูโซ , การลดค่าเช่าโครงข่ายต่างๆ หรือการแก้ไขหลักเกณฑ์การเผยแพร่กิจการโทรทัศน์ที่ให้บริการเป็นการทั่วไป (Must Carry) ทำได้หรือไม่
นายฐากร กล่าวว่า สำนักงาน กสทช. ได้นำทั้ง 10 เรื่องมาพิจารณาทุกประเด็น แต่ยังไม่สามารถตกผลึกได้ขณะนี้ ซึ่งต้องนำโจทย์ดังกล่าวกลับมาหารืออีกรอบหนึ่ง โดยจะมีการประชุมในวันที่ 27 ม.ค.นี้ ซึ่งยืนยันว่าจะต้องได้ข้อสรุปภายในวันที่ 15 ก.พ.หลังจากนั้นจะนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมกสทช.เพื่อพิจารณาอนุมัติภายในสิ้นเดือนก.พ.
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ กสทช.จะทำได้ทันทีคือการแจกคูปองทีวีดิจิตอลให้ครบ 22.9 ล้านครัวเรือน โดยจะทำหนังสือไปยังคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เพื่อให้อนุมัติแจกคูปองเพิ่มเติมในส่วนที่เหลือ ขณะที่การลดค่าธรรมเนียมกองทุนยูโซ จากเดิมที่กำหนดอัตรา 0.1-2% นั้น กสทช.ได้ให้ความมั่นใจกับผู้ประกอบการว่าจะเก็บในอัตราน้อยที่สุดตามอำนาจที่กสทช.ทำได้ และขณะนี้ก็ได้ยกเลิกการเก็บค่าธรรมเนียมกองทุนยูโซย้อนหลังแล้ว
ส่วนข้อเสนอให้เลื่อนเวลาชำระเงินประมูลใบอนุญาตทีวีดิจิตอล งวดที่ 3 นั้น วันนี้ทางคณะทำงานฯ ยืนยันว่าสามารถทำได้ แต่ผู้ประกอบการจะต้องมีเหตุผลประกอบ ได้แก่ เป็นเหตุสุดวิสัย, มีปัญหาอื่นๆที่ไม่สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ และเป็นความผิดของรัฐ ซึ่งจะต้องนำเรื่องเหล่านี้มาหารือร่วมกันในการประชุมคณะทำงานฯอีกครั้งในวันที่ 27 ม.ค.นี้ด้วย หากเป็นเรื่องสุดวิสัยจริงที่ทาง กสทช.ไม่สามารถตัดสินใจได้ในบางเรื่องที่ผู้ประกอบการเรียกร้องมา ก็จะนำเสนอต่อนายกรัฐมนตรีให้เป็นผู้ดำเนินการแก้ไขปัญหาในส่วนนั้นต่อไป
ด้านนายสมชาย รังษีธนานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไบรท์ ทีวี จำกัด กล่าวว่า บริษัทในฐานะผู้ประกอบการทีวีดิจิตอล ได้เรียกร้องต่อกสทช. ให้พิจารณาเลื่อนชำระเงินค่าใบอนุญาต งวดที่ 3 ออกไปก่อน ขณะที่บริษัทยืนยันจะยังคงดำเนินธุรกิจต่อไป แต่ให้กสทช.ทำตามสัญญาก่อนการประมูล ทั้งในเรื่องโครงข่าย, การแจกกล่อง Set Top Box และการเรียงเลขช่อง ซึ่งเป็นการเรียกร้องตามสิทธิ เพราะยังไม่มีความพร้อมจ่ายเงินเนื่องจากได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจชะลอตัว
"เรายืนยันว่าจะยังดำเนินธุรกิจต่อไป แต่ก็อยากให้ กสทช.ทำตามสัญญาที่ให้ไว้ด้วย โดยเราเรียกร้องไม่กี่เรื่องในวันนี้ คือการเลื่อนชำระเงินงวดที่ 3 ออกไปก่อน ซึ่งไม่ได้เรียกร้องอะไรเกินไป เป็นสิทธิที่เราสามารถเรียกร้องได้ ซึ่งเราก็แค่ขอเลื่อนออกไปก่อน ขอความเห็นใจเพราะวันนี้เรายังไม่พร้อม แต่ถ้าเราพร้อมเราก็จะนำส่งทันที"นายสมชาย กล่าว
ด้านนายอดิศักดิ์ ลิมปรุ่งพัฒนกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น (NBC) กล่าวว่า ภาพรวมของการประชุมวันนี้เป็นไปด้วยดี โดยมีหน่วยงานภาครัฐและสถาบันการเงิน และคณะทำงานเข้าร่วม ซึ่งการประชุมเป็นที่น่าพอใจของผู้ประกอบการ แต่ยังมีข้อวิตกของผู้ประกอบการหลายเรื่องที่ก่อนหน้านี้เคยเรียกร้องแต่ยังไม่ได้รับการแก้ไข วันนี้บริษัทก็เรียกร้องให้ กสทช.ทำตามสัญญาที่ให้ไว้ครบถ้วนก่อนจึงจะชำระเงินงวดที่ 3
"อยู่ที่ว่าจะดำเนินการกับสิ่งเหล่านั้นได้รวดเร็วหรือไม่ ขณะที่นายกรัฐมนตรีก็ได้ให้ความสนใจแนวทางการแก้ไขปัญหาทีวีดิจิตอลด้วย เราก็มั่นใจว่าบทสรุปจะทำได้รวดเร็วตามที่กสทช.ประกาศไว้ไม่เกินก.พ.นี้"นายอดิศักดิ์ กล่าว