สำหรับปีนี้คาดว่าตลาดอาเซียนจะมียอดขายราว 3 ล้านคัน ซึ่งเป็นตลาดในประเทศไทยและอินโดนีเซีย 1.8 ล้านคัน ขณะที่ตลาดในประเทศฟิลิปปินส์และเวียดนามยังเติบโตได้ดี นายทานาดะ กล่าวว่า ในปีนี้แม้จะมีปัจจัยบวกจากการที่รัฐบาลมีมาตรการกระตุ้นการลงทุน การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ แต่กำลังซื้อลดลงไปจากการใช้ล่วงหน้าก่อนที่จะมีการปรับภาษีสรรพสามิต ดังนั้นในส่วนของบริษัทฯ ปีนี้ตั้งเป้ายอดขายในประเทศไทยไว้ที่ 2.4 แสนคัน เพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาดไว้ที่ระดับ 33% เท่าเดิม ขณะที่ตั้งเป้าการส่งออกไว้ที่ 3.7 แสนคัน
"ขณะที่ภาวะเศรษฐกิจโลกยังไม่ฟื้นตัวมากนัก บริษัทฯ จะใช้ข้อได้เปรียบเรื่องเงินบาทอ่อนค่ามาช่วยเรื่องการส่งออกเพื่อมาชดเชยกับยอดขายในประเทศที่ลดลง" นายทานาดะ กล่าว
ทั้งนี้เชื่อว่า สถานการณ์รถยนต์ในประเทศจะกลับมาดีขึ้นในอีก 2 ปี เนื่องจากผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัวและราคาสินค้าเกษตรตกต่ำกลับมาฟื้นตัว โดยโตโยต้ายังมีความเชื่อมั่นในประเทศไทยที่จะใช้เป็นฐานการผลิตในภูมิภาคต่อไป และพร้อมที่จะขยายการลงทุนต่อไป ซึ่งในปีนี้ตั้งเป้ามีส่วนแบ่งยอดขายรถยนต์ในประเทศราว 33% ใกล้เคียงปีก่อน
"สถานการณ์ทางเศรษฐกิจของไทยในปีที่ผ่านมายังเป็นไปด้วยความลำบากจากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว กำลังซื้อที่มีจำกัด แม้จะมีกำลังซื้อเร่งเข้ามาในช่วงปลายปีก่อนการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ใหม่" นายทานาดะ กล่าว