โดยสาระสำคัญของกฎหมายฉบับดังกล่าว คือ แก้ไขเพิ่มเติมบัญชีอัตราภาษีเงินได้ สำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเป็นอัตราร้อยละ 20 ของกำไรสุทธิของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลจากในอัตราร้อยละ 30 ของกำไรสุทธิ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจ
นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รมช.คลัง กล่าวว่า การลดการจัดเก็บด้วยมาตรการนี้จะช่วยให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจและส่งเสริมการลงทุน นอกเหนือไปจากการลงทุนในภาครัฐ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะลดอัตราการจัดเก็บ แต่จะไม่มีผลกระทบในภาพรวม เนื่องจากกระทรวงการคลังกำลังวางระบบการจัดภาษีใหม่เพื่อลดช่องโหว่บางประการที่เป็นปัญหาอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งจะทำให้สามารถขยายฐานการจัดเก็บได้มากขึ้นและลดการรั่วไหลให้น้อยลง เช่น การใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ในการดำเนินการ เป็นต้น
"ในภาวะเศรษฐกิจที่ยังเปราะบางอยู่อย่างนี้ การไปเพิ่มอัตราอากรจะเป็นเรื่องสุ่มเสี่ยง จะทำให้ภาวะเศรษฐกิจอาจชะลอตัวลงมากกว่าเดิม รัฐบาลจึงเลือกวิธีการปรับวิธีการจัดเก็บภาษีแทน" นายวิสุทธิ์ กล่าว