ขณะที่แนวทางการพัฒนาประเทศไทยจะต้องเดินตามยุทธศาสตร์พัฒนาประเทศในระยะ 20 ปีข้างหน้า ต้องมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและต้องมีแผนปฏิบัติให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การขับเคลื่อนประเทศต้องมีการบูรณาการยุทธศาสตร์กันอย่างชัดเจน ซึ่งตนเองจะแก้ไขการบริหารราชการแผ่นดินใหม่ โดยการปรับปรุง พ.ร.บ.การจัดทำงบประมาณ เพื่อการปรับการจัดทำงบประมาณแบบใหม่ ซึ่งต่อจากนี้ไปการจัดทำงบจะต้องให้รัฐบาลประชุมร่วมกันก่อน เพื่อจัดทำดับความสำคัญของเรื่องต้องดำเนินการ ต้องหารือถึงนโยบายที่ต้องการขับเคลื่อนตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล และนโยบายใดที่ควรเป็นเรื่องการปฏิรูป โดยแต่ละกระทรวงที่เกี่ยวข้องต้องทำให้สอดคล้อง ไม่ใช่แบบปัจจุบันที่แต่ละกระทรวงรวบรวมมา พอเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ ก็ตัดงบไป 5-10% จากนั้นก็บริหารต่อไป ซึ่งหลังจากนี้แนวทางการพัฒนาประเทศจะเกิดความชัดเจน
นายกรัฐมนตรี ยังฝากภาคอุตสาหกรรมให้ช่วยกันพัฒนาบุคลากรที่ตรงความต้องการของประเทศ โดยเฉพาะภาคการวิจัยการพัฒนานวัตกรรมใหม่ เพราะภาคอุตสาหกรรมใหญ่ๆมีศักกายภาพ ซึ่งบริษัทใหญ่ๆต้องช่วยเหลือเกื้อหนุน ไม่เอาเปรียบเกษตรกร พร้อมยอมรับการเปลี่ยนแปลง และร่วมสร้างความร่วมมือประชารัฐ โดยการช่วยเหลือชุมชนสร้างความรักความไว้ใจให้เกิดขึ้น
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่เคยคิดว่าประเทศไทยจะมีปัญหามากขนาดนี้ ซึ่งน่าจะมาจากการที่ทุกคนต่างความคิด ซึ่งล้วนแต่คิดดี แต่เป็นความคิดที่ไม่ตรงกัน ดังนั้นต้องช่วยกันหาทางออกให้ได้โดยสันติวิธี ตนเองเข้ามาก็เพื่อปลดล็อกให้สามารถคลี่คลายปัญหาได้