สำนักงานฯ จึงได้เชิญร้านอาหารจากฮ่องกงมาเยือนไทย เพื่อสำรวจว่าไทยมีข้าวอื่นอีกหรือไม่ นอกจากข้าวหอมมะลิ ซึ่งพบว่า มีข้าวหอมปทุมธานีที่คุณสมบัติคล้ายข้าวหอมมะลิแต่ราคาถูกกว่าจึงได้รับความสนใจมาก ขณะเดียวกันเวียดนามกำลังทำตลาดข้าวสำหรับตลาดผู้บริโภคทั่วไป เพื่อรักษาฐานลูกค้ากลุ่มนี้ไว้ ดังนั้นสำนักงานฯจึงมีแผนจะนำเสนอข้าวสายพันธุ์ใหม่ๆ เช่น ข้าวสีนิล ข้าวไรซ์เบอรี่ ซึ่งดีต่อสุขภาพและตรงกับความต้องการคนรุ่นใหม่ รวมถึงจะส่งเสริมการขายข้าวบรรจุถุงละ 1 กิโลกรัม ที่เหมาะกับความต้องการบริโภคจำนวนน้อยด้วย
"ตอนนี้เราดึงส่วนแบ่งตลาดจากผู้ซื้อที่เป็นร้านอาหารมาได้แล้ว ทำให้ส่วนแบ่งตลาดของไทยเพิ่ม โดยปี 56 ไทยมีส่วนแบ่งตลาด 43% เวียดนาม 41% ปี 57 ไทย 48% เวียดนาม 40% ปี 58 ไทยเพิ่มเป็น 60% เวียดนามลดลงเหลือ 30-31% โดยฮ่องกงนำเข้าเฉลี่ยปีละ 320,000-350,000 ตัน ส่วนใหญ่เป็นข้าวหอมมะลิ โดยราคาส่งออกข้าวหอมมะลิไทยตันละ 780-800 เหรียญสหรัฐ จากที่เคยขึ้นไปสูงสุดถึงตันละ 1,200 เหรียญฯ ขณะที่ข้าวหอมเวียดนามตันละ 530-550 เหรียญฯเท่านั้น" นายวิทยากร กล่าว
สำหรับการส่งออกข้าวไปฮ่องกงในปี 56 ปริมาณ 160,095 ตัน มูลค่า 5,609 ล้านบาท ต่อมาปี 57 ปริมาณ 182,071 ตัน มูลค่า 5,766 ล้านบาท และล่าสุดปี 58 ปริมาณ 168,907 ตัน มูลค่า 5,322 ล้านบาท