ด้านนายเจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า สมาคมฯ ตั้งเป้าหมายการส่งออกข้าวปี 58 ไว้ที่ 9-9.5 ล้านตัน ซึ่งปริมาณที่ส่งออกได้จริงสูงกว่าเป้าหมาย แต่ยังต่ำกว่าเป้าหมายของกระทรวงพาณิชย์ที่ตั้งไว้ 10 ล้านตัน เพราะเศรษฐกิจโลกตกต่ำ หลายประเทศลดการนำเข้าลง ขณะเดียวกันราคาน้ำมันยังลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ประเทศที่เป็นผู้ผลิตและส่งออกน้ำมันลดการนำเข้าข้าวและสินค้าเกษตรจากไทย เช่น อิรัก อิหร่าน ซาอุดิอาระเบีย ไนจีเรีย เป็นต้น
นอกจากนี้ จีนยังประสบปัญหาเศรษฐกิจ ทำให้การนำเข้าของเอกชนจีน ซึ่งเป็นผู้ซื้อรายใหญ่ชะลอตัวลง และยิ่งส่งผลให้การส่งออกข้าวของไทยอยู่ในภาวะลำบากมากขึ้น อีกทั้งประเทศผู้นำเข้าอื่นๆ นำเข้าแค่เพียงพอเพื่อการบริโภค ไม่ได้ซื้อเพื่อเก็บสต๊อกเหมือนที่ผ่านมา เพราะไทยยังมีสต็อกข้าวสารในโกดังของรัฐกว่า 13 ล้านตัน ผู้ซื้อจึงไม่จำเป็นต้องเร่งเก็บสต็อก แม้จะมีปัญหาภัยแล้ง เพราะมั่นใจว่าไทยจะมีข้าวเพียงพอสำหรับการบริโภค
อย่างไรก็ตาม แม้ปีนี้ไทยจะประสบปัญหาภัย แต่ไม่ได้ทำให้ราคาข้าวในประเทศสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด เพราะกำลังซื้อทั่วโลก และจีนยังต่ำอยู่ตามภาวะเศรษฐกิจ โดยต้องจับตาในช่วงเดือน มี.ค.59 ที่ข้าวนาปีของเวียดนามจะออกมา ขณะที่ข้าวนาปีของไทยออกสู่ตลาดหมดแล้วตั้งแต่ต้นปี และไม่มีข้าวนาปรัง เพราะไม่มีน้ำเพียงพอในการเพาะปลูก ถึงตอนนั้นจะมีความชัดเจนว่าราคาข้าวของไทยและทั่วโลกจะเป็นอย่างไร
"สิ่งที่จะทำให้เราแข่งขันกับคู่แข่งได้คือ การสร้างความเชื่อมั่นให้ข้าวไทยในตลาดโลก ลดต้นทุนการผลิตให้ชาวนา พัฒนาระบบโลจิสติกส์ให้มีประสิทธิภาพ การทำโซนนิ่งพื้นที่ปลูกข้าว เพื่อเพิ่มผลผลิตต่อไร่ ซึ่งจะเป็นการพัฒนาข้าวไทยอย่างยั่งยืน" นายเจริญ กล่าว