ทั้งนี้ ได้มีการประชุมทวิภาคี 4 ประเทศ ในส่วนกัมพูชา การพัฒนาการท่องเที่ยวเชื่อมโยงไทยไปกัมพูชา มีการดำเนินการท่องเที่ยว ทางบก 2 เส้นทาง โดยจะเพิ่มเส้นทางสายจันทบุรี ตราด สีหนุวิลล์ เสียมเรียบ ซึ่งมีโอกาสเดินทางเชื่อมต่อไปยังเกาะฟูก๊วก ประเทศเวียดนาม ทางน้ำ จะมีการพัฒนาการท่องเที่ยวเรือสำราญร่วมกัน ทั้งนี้ รัฐมนตรีท่องเที่ยวกัมพูชาได้ขอให้ภาคเอกชนไทยมีการลงทุนสร้างโรงแรมระดับ 4-5 ดาว เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และเพิ่มเส้นทางการบินตรงโดยสายการบิน ANA จากญี่ปุ่น ไปเสียมเรียบ
ด้านประเทศเมียนมาร์ จะมีการทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว เพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวเชื่อมโยงจากไทยไปเมียนมาร์มากขึ้น ซึ่งได้ดำเนินการไปแล้ว 1 เส้นทาง คือ เชียงใหม่-มัณฑะเลย์-พุกาม-เนปีดอร์-กรุงเทพ นอกจากนี้ เมียนมาร์ต้องการให้ประเทศไทยไปลงทุนสร้างโรงแรมและพัฒนาการท่องเที่ยวร่วมกันที่หมู่เกาะในเมืองมะริดและแหล่งท่องเที่ยวภูเขาที่มีหิมะในเมืองเว้อีกด้วย
สำหรับประเทศจีน จะพัฒนาการท่องเที่ยวระหว่างกันโดยใช้โครงการอาเซียน 50 และจีนขอให้ประเทศไทยเตรียมตัวรับนักท่องเที่ยวชาวจีน ในช่วงเทศกาลตรุษจีน ซึ่งคาดว่านักท่องเที่ยวจีนจะเดินทางออกนอกประเทศประมาณ 6 ล้านคน ในช่วง 7 วัน คาดจะมีนักท่องเที่ยว จำนวน 1-2 ล้าน เดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย
ขณะที่ ไทยและฟิลิปปินส์ จะพัฒนาการท่องเที่ยวเชื่อมโยงเรือสำราญและการท่องเที่ยวเพื่อแลกเปลี่ยนของกลุ่มเยาวชนร่วมกัน
จากสถิติ ปี 2558 พบว่า มีนักท่องเที่ยวกลุ่มอาเซียน 98 ล้านคน เติบโต 7.3%ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยว 29.8 ล้านคน เติบโต 20% นักท่องเที่ยวระหว่างกัน 41 ล้านคน มีนักท่องเที่ยวจากอาเซียนเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย 7.8 ล้านคน เติบโต 18.7%
นอกจากนี้ ในโอกาสฉลองครบรอบ 50 ปีอาเซียน ในปี 2560 จะมีการเปิดตัวการท่องเที่ยวเชื่อมโยงในอาเซียน Single Tourism Destination เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างประเทศในภูมิภาคอาเซียน
ด้านสถานการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวล่าสุด (ข้อมูล ณ วันที่ 27มกราคม 2559) นักท่องเที่ยวสะสมขยายตัว 15.67% ในวันที่ 26 มกราคม 2559 ซึ่งก่อให้เกิดรายได้จากนักท่องเที่ยว 128,657.97 ล้านบาทขยายตัว 16.81% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา
นักท่องเที่ยวในท่าอากาศยานหลักเดือนมกราคม 2559 นักท่องเที่ยวในท่าอากาศยานหลักขยายตัว 15.09% จากจำนวนนักท่องเที่ยวในท่าอากาศยานหลัก 5 แห่ง ในวันที่ 1-26 มกราคม ซึ่งมีสัดส่วนรวมกันประมาณ 80% ของนักท่องเที่ยวทั้งหมดของประเทศพบว่ามีจำนวน 2,038,776 คน ขยายตัว 15.09% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยท่าอากาศยานที่นักท่องเที่ยวขยายตัวสูงสุดคือท่าอากาศยานดอนเมือง 51.97% รองลงมาได้แก่ ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ภูเก็ต หาดใหญ่ และสุวรรณภูมิ (ขยายตัว 31.29% 21.86% 12.16% และ 6.69% ตามลำดับ)
นางกอบกาญจน์ กล่าวถึงแนวทางการขยายการท่องเที่ยวในตลาดยุโรปว่า ในเดือนมกราคม จำนวนนักท่องเที่ยวจากยุโรปมีจำนวนเพิ่มสูงขึ้นและมีรายได้ในช่วงต้นปีถึงวันที่ 27 มกราคม มีรายได้เพิ่มขึ้น 16.8 % เมื่อเทียบกับมกราคมปีที่แล้ว ซึ่งในภาพรวมตลาดยุโรปการท่องเที่ยวยังอยู่ในระดับที่ดี โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากประเทศสเปนที่เข้ามาประเทศไทยปีที่แล้วประมาณ 1.5 กว่าแสนคน เติบโตขึ้น 29% มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ย 15.2 วัน และถือเป็นนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการวางยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวของไทย
ทั้งนี้ จากที่มีโอกาสเดินทางไปประเทศสเปนและได้พบสมาคมผู้ประกอบการท่องเที่ยวใหญ่ของประเทศสเปน CEAV (Confederacion Espanola de Agencias de Viajes)โดยได้ทำ Networking Lunch ซึ่งผู้เข้าร่วมงานทั้งผู้ประกอบการ และหน่วยงานไทยประจำสาธารณรัฐสเปนเข้าร่วมงาน ซึ่งจากการพูด CEAV ตกลงจะจัดประชุมสมาชิกผู้ประกอบการท่องเที่ยวและผู้นำทางความคิดของสเปนไปประชุมประจำปีประมาณ 200-300 คนที่จังหวัดเชียงใหม่ ในงาน CEAV Congress 2016 ในวันที่ 17-19 พฤศจิกายน 2559 ซึ่งตรงแนวทางการส่งเสริมการท่องเที่ยวที่ต้องการกระจายการท่องเที่ยวจากเมืองใหญ่สู่เมืองรอง และสู่ระดับชุมชมและถือเป็นโอกาสที่ดีที่จะให้ทางสมาชิก CEAV ได้เห็นสินค้าของไทยในระดับชุมชุมมากขึ้น
ส่วนกรณีการตรวจพบผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจตะวันออกกลาง หรือ เมอร์ส รายที่ 2 ในประเทศไทยนั้น รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา ยืนยันไม่ส่งผลต่อการท่องเที่ยวของไทยแต่ก็ไม่ประมาท ซึ่งได้มีการทำงานร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขตั้งแต่กรณีที่พบผู้ป่วยรายแรกในไทย ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการเตรียมความพร้อมมาโดยตลอด จึงมั่นใจว่าสามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้