รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ความตกลงการค้าเสรีระหว่างไทย-นิวซีแลนด์ (TNZCEP) เป็นความตกลงที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก และได้มีผลบังคับใช้มาเป็นเวลากว่า 10 ปี ซึ่งเอกอัครราชทูตนิวซีแลนด์เห็นด้วยว่า ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ความตกลง TNZCEP ส่งผลให้การค้าสองฝ่ายขยายตัวมากกว่าสามเท่า และได้พิสูจน์ว่าความตกลงการค้าเสรีระหว่างกันประสบความสำเร็จทั้งในเรื่องการค้าและการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ โดยทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะเจรจาต่อตามพันธกรณีที่กำหนดไว้ทั้งในเรื่องของการค้าสินค้า การค้าบริการ และการลงทุน ซึ่งไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดกันยิ่งขึ้นไทย-นิวซีแลนด์ในปีนี้เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานดังกล่าวต่อไป
โดยทั้งสองฝ่ายยังเห็นพ้องที่จะส่งเสริมความร่วมมือในสาขาเกษตร อุตสาหกรรมอาหาร ซึ่งทั้งสองประเทศต่างมีศักยภาพ โดยเฉพาะในด้านการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ และการยกระดับในด้านมาตรฐานและคุณภาพ และในโอกาสที่ปี 2559 เป็นปีที่ครบรอบ 60 ปี ของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับนิวซีแลนด์ นิวซีแลนด์จึงมีแผนจะจัดคณะธุรกิจราว 25 บริษัทเดินทางเยือนไทยเพื่อจับคู่และเจรจาธุรกิจด้วย
นอกจากประเด็นด้านการค้าทวิภาคีแล้ว นิวซีแลนด์ยังได้กล่าวถึงความตกลงความเป็นหุ้นส่วนเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (Trans-Pacific Partnership: TPP) โดยทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนความเห็นและมุมมองในการเจรจาประเด็นต่างๆ ภายใต้ TPP อาทิ เรื่องทรัพย์สินทางปัญญา ระบบสาธารณสุข การปรับแก้กฎหมาย ในโอกาสนี้นิวซีแลนด์ยินดีที่จะแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในด้านต่างๆ จากการเข้าร่วมเป็นภาคีความตกลงดังกล่าวกับไทย ซึ่งจะได้หารือในรายละเอียดต่อไป
ปัจจุบันนิวซีแลนด์เป็นประเทศคู่ค้าสำคัญลำดับที่ 33 ของประเทศไทย โดยความตกลง TNZCEP ซึ่งมีผลบังคับใช้ในปี 2548 เป็นความตกลงการค้าเสรีฉบับที่ 3 ที่ประเทศไทยจัดทำด้วย ถัดมาจากอาเซียน และความตกลงการค้าเสรี ไทย-ออสเตรเลีย ตามลำดับ ในช่วงสิบปีที่ผ่านมาการค้าระหว่างไทยและนิวซีแลนด์เพิ่มขึ้นมากกว่า 3 เท่าตัว จาก 566 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2547 เป็น 1,998 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2557 การพบหารือระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และเอกอัครราชทูตนิวซีแลนด์ประจำประเทศไทย จึงเป็นสัญญาณที่ทั้งสองฝ่ายจะร่วมกันขับเคลื่อนความร่วมมือในด้านเศรษฐกิจการค้า เพื่อประโยชน์ร่วมกันต่อไป