สาระสำคัญของกฎหมายฉบับนี้คือ การจัดตั้งสำนักงานที่เป็นนิติบุคคลอิสระที่ไม่ใช่ส่วนราชการ ซึ่งจะมีกระบวนการคัดสรรคณะกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่งจำนวน 7 คน อายุ 45-70 ปี อยู่ในวาระคราวละ 6 ปี ไม่เกินสองวาระ ให้นายกรัฐมนตรีเป็นผู้แต่งตั้ง โดยผ่านความเห็นชอบจาก ครม. ซึ่งในปีแรกรัฐบาลจะจัดสรรงบประมาณเป็นทุนประเดิมก่อตั้งให้ ส่วนในปีต่อๆ ไปจะใช้เงินที่ได้จากการหัก 10% ของค่าจดทะเบียนการค้ามาเป็นค่าใช้จ่าย
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐวิสาหกิจทุกแห่งจะต้องเข้ามาอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของหน่วยงานนี้ ยกเว้นรัฐวิสาหกิจด้านสาธารณูปโภคที่รัฐเห็นว่ามีความจำเป็น กระทบต่อความมั่นคง บริการสาธารณะ การรักษาผลประโยชน์ส่วนรวม
โดยร่าง พ.ร.บ.แข่งขันทางการค้า ฉบับปรับปรุงใหม่นี้มีการแก้ไขนิยามของคำว่า "ผู้ประกอบธุรกิจ" ให้หมายถึงบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลในเครือเดียวกัน เพื่อป้องกันการฮั้วหรือการมีอำนาจเหนือตลาด การควบรวมกิจการต้องขออนุญาต นอกจากนี้ยังกำหนดให้การกระทำใดๆ นอกราชอาณาจักรแล้วเกิดผลในราชอาณาจักรก็ต้องได้รับโทษด้วยเช่นกัน ซึ่งคณะกรรมการฯ จะมีการพิจารณาปรับปรุงกฎเกณฑ์ให้ทันสมัยทุก 5 ปี
ส่วนกรณีที่กำหนดให้คณะกรรมการฯ มีอำนาจในการยกเลิกโทษจำคุกกับผู้ทำผิดกรณีควบรวมกิจการนั้น ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีให้รับข้อเสนอของสำนักงานอัยการสูงสุดว่าคงต้องหารือในชั้นกฤษฎีกาอีกครั้ง เนื่องจากจะเป็นการก้าวล่วงต่อกระบวนการยุติธรรม