"ช่วงไฮซีซั่นของซาอุดิอาระเบียจะตรงกับช่วงเดือนรอมาฎอน (เดือนแห่งการถือศีลอด) ซึ่งปีนี้คาดว่าจะตรงกับวันที่ 6 มิถุนายน ถึง 4 กรกฎาคม 2559 และจะยาวไปถึงเทศกาลฮัจญ์ซึ่งคาดว่าจะตรงกับวันที่ 11-15 กันยายน 2559 ดังนั้นผู้นำเข้าจะต้องเริ่มสั่งซื้อสินค้าล่วงหน้า รวมทั้งหาสินค้าใหม่ในช่วงนี้ เพื่อที่จะนำเข้าสินค้ามาจำหน่ายได้ทัน สคร. เจดดาห์จึงได้จัดคณะผู้แทนการค้าฯ ที่มีความต้องการหาสินค้าใหม่ๆ เข้าไปเจรจาการค้าในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์นี้" นางมาลี กล่าว
การจัดกิจกรรมครั้งนี้เป็นโอกาสดีสำหรับผู้ส่งออกสินค้าผักและผลไม้สด รวมถึงผลิตภัณฑ์น้ำหอมและเครื่องสำอางของไทย เนื่องจากมีบริษัทผู้นำเข้ารายใหญ่เดินทางร่วมไปกับคณะด้วย โดยบริษัทที่นำเข้าผักผลไม้สดรายหนึ่งได้สิทธิ์นำเข้าจากหลายประเทศปีละประมาณ 35 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และเป็นบริษัทที่ได้รับสัมปทานพื้นที่โหลดสินค้าในตลาดค้าส่งผักผลไม้สด ณ เมืองเจดดาห์มากที่สุด ซึ่งตลาดค้าส่งแห่งนี้เป็นแหล่งกระจายสินค้าไปทั่วทุกเมืองในภาคตะวันตกของซาอุดิอาระเบีย
สำหรับบริษัทผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์น้ำหอมและเครื่องสำอางที่จะเดินทางเยือนประเทศไทยครั้งนี้ ปัจจุบันนำเข้าจากประเทศแถบยุโรปปีละมาณ 32 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และมีความสนใจที่จะนำเข้าสินค้าจากไทย เนื่องจากได้ยินเรื่องคุณภาพสินค้ามานานแล้ว
ขณะที่การค้าระหว่างไทยกับซาอุดิอาระเบียในปี 2558 ไทยส่งออกไปซาอุดิอาระเบียมูลค่า 2,945 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ ขยายตัวร้อยละ -5.3 คาดว่าปี 2559 จะขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 3 คิดเป็นมูลค่า 2,883 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ไทยนำเข้าจากซาอุดิอาระเบียมูลค่า 4,932 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ ขยายตัวร้อยละ -37 ส่วนจอร์แดนนั้น ไทยส่งออกไปยังจอร์แดนมูลค่า 216 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ -26 และนำเข้าจากจอร์แดนมูลค่า 10 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ -69 ขณะที่ทั้งภูมิภาคตะวันออกกลางคาดว่าปี 2559 จะขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 2 คิดเป็นมูลค่ารวม 10,357 ล้านเหรียญสหรัฐฯ