ส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) พบว่าในเดือนมกราคม 2559 NPLs เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 143 ล้านบาท จาก 23,452 ล้านบาทในเดือนธันวาคม 2558 เป็น 23,595 ล้านบาท ในเดือนมกราคม 2559 แต่สัดส่วน NPL ลดลงจาก 27.23% เป็น 26.16% ทั้งนี้ NPL ส่วนใหญ่เป็นสินเชื่อรายย่อยที่มีมาแต่เดิมทางภาคใต้ ซึ่งทำธุรกิจค้าส่งค้าปลีกที่โยงกับพืชผลการเกษตร ซึ่งได้รับผลกระทบจากราคายางพาราตกต่ำ
อย่างไรก็ดี ลูกหนี้เหล่านี้ยังประกอบกิจการอยู่ ประกอบกับรัฐบาลมีนโยบายช่วยเหลือไม่ให้ราคายางตกต่ำ ธนาคารจึงเชื่อว่าจะช่วยพยุงฐานะลูกหนี้ด้วยการปรับโครงสร้างหนี้ให้กลับมาเป็นลูกหนี้ปกติได้ในอนาคต นอกจากนี้ ธนาคารยังมีนโยบายจะขาย NPLs ซึ่งไม่สามารถแก้ไขได้แล้วอีกจำนวนหนึ่งในปี 2559 ด้วย
สำหรับกรณีสำรอง FRCD เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาให้ธนาคารชนะคดี แม้ว่ามาตรฐานบัญชีและความเห็นผู้เชี่ยวชาญกฎหมายจะเปิดให้ธนาคารโอนเงินสำรอง FRCD ประมาณ 2,000 ล้านบาทกลับมาเป็นรายได้ แต่คณะกรรมการธนาคารยึดหลักความระมัดระวังและได้ประมาณการอย่างสมเหตุสมผล จึงมีมติยังไม่โอนเป็นรายได้ในปี 2558 โดยยังคงส่วนหนึ่งไว้เป็นสำรอง FRCD ตามเดิม และอีกส่วนหนึ่งจะโอนเข้าเป็นสำรองส่วนเกิน ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างฐานะของธนาคารให้มีความมั่นคงมากขึ้น
นางสาลินี ยังกล่าวถึงโครงการร่วมลงทุนว่า ขณะนี้ได้ดำเนินการรุดหน้าไปมาก ธนาคารได้อนุมัติในหลักการแล้วจำนวน 3 ราย วงเงินรวม 20 ล้านบาท ซึ่งได้ลงทุนไปแล้ว 1 ราย คือ บริษัทฟรุตต้า เนเชอรัล จำกัด เป็นธุรกิจผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ และขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นลงทุนได้อีก 2 ราย คือ บริษัทไทยริชฟูดส์ กรุ๊ป จำกัด ธุรกิจผลิตและจำหน่ายขนมไทยแช่แข็ง และบริษัท บ้านผลไม้ (ประเทศไทย) จำกัด ธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลไม้อบแห้ง
อย่างไรก็ดี ยังมีกิจการที่สนใจเข้าร่วมลงทุนอีก 6 กิจการ วงเงินรวม 110 ล้านบาท รวมถึงธนาคารยังเพิ่ม Trust Manager ที่มาทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงให้คำปรึกษาให้ผู้สนใจเข้าร่วมลงทุนเพิ่มขึ้น ซึ่งขณะนี้มีมากถึง 6 ราย
ด้านนายมงคล ลีลาธรรม กรรมการผู้จัดการ เอสเอ็มอีแบงก์ กล่าวว่า ตามที่นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง ได้มาตรวจจเยี่ยมและมอบนโยบายให้กับเอสเอ็มอีแบงก์ ได้เน้นย้ำให้เอสเอ็มอีแบงก์มีจุดยืนของการเป็นธนาคารเพื่อการพัฒนาผู้ประกอบการ ซึ่งนอกเหนือจากการสนับสนุนเงินทุนแล้ว สิ่งสำคัญจะต้องเข้าไปดูแลผู้ประกอบการ SMEs รายย่อยให้มากขึ้น ช่วยเติมเต็มช่องว่างทางการเงินให้แก่ผู้ประกอบการที่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ รวมถึงการเป็นธนาคารเพื่อการพัฒนา โดยการให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประกอบการ SMEs เช่น การพัฒนาผลิตภัณฑ์ การเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่าย การฝึกอบรมพัฒนาผู้ประกอบการ เป็นต้น เพื่อสร้างความเข้มแข็งและเพิ่มศักยภาพให้แก่ผู้ประกอบการ ซึ่งจะเป็นการช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และการสร้างงานของประเทศ
โดยเห็นด้วยกับภารกิจของธนาคารในการเป็นธนาคารเพื่อการพัฒนา ทำหน้าที่ตรงจุดนี้ให้ได้ตามที่กำหนดไว้ นโยบายที่ รมว.คลัง กล่าวนี้สอดคล้องกับแผนงานในปี 2559 ของเอสเอ็มอีแบงก์อยู่แล้ว คณะกรรมการของธนาคารได้มีการประชุมเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2559 เช่นกัน และมีมติเห็นชอบให้จัดกระบวนการรองรับการก้าวขึ้นสู่การเป็นธนาคารเพื่อการพัฒนา SMEs อย่างแท้จริง โดย
1.ปรับโครงสร้างองค์กร เพิ่มสายงานพัฒนาผู้ประกอบการ ซึ่งประกอบด้วย 4 ฝ่ายงาน คือ ฝ่ายพัฒนา Start up ฝ่ายพัฒนา SMEs ที่ดำเนินการอยู่แล้ว ( Regular) และฝ่ายร่วมลงทุนอีก 2 ฝ่าย
2.อนุมัติจัดสรรงบประมาณไม่เกิน 30% ของกำไรจากการดำเนินงาน เพื่อนำมาใช้ในงานพัฒนาผู้ประกอบการโดยตรง (ประมาณ 350 ล้านบาทต่อปี) เช่น ให้การสนับสนุนในการนำนวัตกรรมมาใช้ปรับปรุงสินค้าและบริการ ตลอดจนสนับสนุนด้านการตลาดและการขาย ซึ่งจะเป็นการช่วยส่งเสริม SMEs อีกทางหนึ่ง โดยไม่สิ้นเปลืองงบประมาณที่มีอยู่จำกัดของรัฐบาล และธนาคารเล็งเห็นว่าการพัฒนาและสนับสนุนให้ SMEs มีการจัดทำระบบบัญชีเดียว โดยเฉพาะการให้ความรู้กับผู้ประกอบการ SMEs ในการจัดทำระบบบัญชีเดียว เพื่อให้ผู้ประกอบการ SMEs เข้าสู่ระบบภาษีมากขึ้น เป็นภารกิจสำคัญ ธนาคารจึงได้จับมือกับพันธมิตร อาทิ สำนักบัญชีคุณภาพ กระทรวงพาณิชย์ ที่มีเครือข่ายนักบัญชีคุณภาพอยู่ทั่วประเทศให้ร่วมเป็นพี่เลี้ยง SMEs ด้วย ทั้งนี้จำนวนเงินในการพัฒนาเป็นต่างหากจากการร่วมลงทุน ซึ่งครม.มีมติให้ธนาคารดำเนินการร่วมทุนในวงเงิน 2,000 ล้านบาทอยู่แล้ว
3.ดูแลการบริหารบุคลากรให้มีคุณสมบัติในการขับเคลื่อนพันธกิจการเป็นธนาคารเพื่อการพัฒนาและสอดรับกับที่แผนยุทธ์ศาสตร์ฟื้นฟูกำหนดไว้ โดยได้อนุมัติโครงการร่วมใจจาก (Golden Handshake) ตามที่ฝ่ายจัดการเสนอมา ซึ่งจะเปิดให้ผู้บริหารระดับผู้อำนวยการฝ่าย ถึงรองกรรมการผู้จัดการ ซึ่งมีอายุงานเหลือไม่มากนัก โดยมีจำนวนและอายุเฉลี่ยประมาณ 52-57 ปี ทั้งนี้จะดำเนินการโดยใช้หลักของความสมัครใจขอเกษียณอายุก่อนกำหนด รายละเอียดของโครงการที่กำหนดต่อไป นอกจากนี้ จะจัดให้มีการฝึกอบรมพัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่องต่อไป