เมื่อรวมกับผลการเปิดประมูลข้าวสารในสต็อกของรัฐเป็นการทั่วไป เมื่อวานนี้ (16 ก.พ.59) ที่มีผู้เสนอราคาสูงสุด 15 ราย ปริมาณ 152,377 ตัน มูลค่าที่เสนอซื้อประมาณ 1,783 ล้านบาท กับข้าวที่จะเข้าสู่อุตสาหกรรมในวันนี้ตามปริมาณข้างต้น จะรวมเป็นปริมาณที่มีผู้เสนอราคาสูงสุดทั้งสิ้น 397,639 ตัน (คิดเป็นร้อยละ 70 ของปริมาณที่เปิดประมูล 5.7 แสนตัน) มูลค่ารวม 3,314 ล้านบาท
ทั้งนี้ กรมฯ จะนำผลการยื่นซองเสนอซื้อข้าวทั้งหมดเข้าสู่การพิจารณาของคณะทำงานดำเนินการระบายข้าวสารในสต็อกของรัฐ ก่อนนำเสนอให้ประธานคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) พิจารณาอนุมัติก่อนแจ้งยืนยันผลการจำหน่ายข้าวสารในสต็อกของรัฐให้ผู้ชนะการประมูลทราบตามขั้นตอนต่อไป
"ข้าวที่นำมาเปิดประมูลครั้งนี้ ในส่วนของข้าวดีราคาเสนอซื้อเฉลี่ยกิโลกรัมละ 11 บาทกว่า ถือว่าเป็นราคาที่ดี เพราะเป็นข้าวที่เก็บในสต๊อกไม่นาน โดยเป็นข้าวจากโครงการรับจำนำปี 54/55-56/57 ส่วนข้าวเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรม ผู้ผลิตอาหารสัตว์เสนอซื้อที่กิโลกรัมละ 6.20-7.10 บาท ใกล้เคียงกับราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์อื่นๆ ขณะที่ผู้ผลิตเอทานอลเสนอซื้อที่กิโลกรัมละ 2.70 บาท สูงกว่าราคามันสำปะหลัง" นางดวงพร กล่าว
สำหรับการเปิดประมูลข้าวดีและข้าวเสื่อมรอบใหม่นั้นยังไม่ได้กำหนดเวลาต้องรอดูจังหวะที่เหมาะสมเพื่อไม่ให้กระทบกับตลาด โดยข้าวเสื่อมคุณภาพ (ข้าวเกรดซี) และข้าวผิดชนิดที่จะต้องขายให้หมดมีทั้งสิ้นกว่า 6 ล้านตัน รัฐบาลเพิ่งระบายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ขณะนี้การเปิดประมูลข้าวเกรดซีมีความยุ่งยากซับซ้อนมาก เพราะข้าวที่เหลือส่วนใหญ่ที่อยู่ในโกดังเดียวกัน แต่ผสมปนเปกันจนไม่สามารถแยกได้ว่ากองใดเป็นข้าวเสื่อมหรือข้าวเสียจึงต้องหาวิธีการระบายให้รัฐได้ประโยชน์สูงสุด