ขณะที่อุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงมีอัตราขยายที่ชะลอตัวลง เมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมอื่นๆ รวมถึงบริษัทข้ามชาติมองเห็นโครงสร้างอุปสงค์ในตลาดจีนกำลังเปลี่ยนแปลง ซึ่งผู้บริโภคภายในประเทศต้องการซื้อสินค้าที่มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น รวมถึงความต้องการด้านบริการที่ทวีเพิ่มขึ้นด้วย โดยการลงทุนในต่างประเทศของจีนด้านอุตสาหกรรมบริการขยับเพิ่มขึ้นร้อยละ 17.3 คิดเป็นสัดส่วนกระแสเงินทุนร้อยละ 61.1
ทั้งนี้ บริษัทยักษ์ใหญ่ทั่วโลกประเมินสภาวะตลาดเห็นว่า ตลาดจีนยังคงมีศักยภาพมากพอและเหมาะสมสำหรับการลงทุน รวมถึงมีการเพิ่มการลงทุนในจีนจำนวนมากด้านอุตสาหกรรมการบริการ การผลิตและการเกษตร ซึ่งในปี 2558 มีรายชื่อดังนี้ บริษัทซินเจนทา โฟล์คสวาเกน ซัมซุงอิเล็กทรอนิกส์ สายการบินลุฟท์ฮันซ่า แอร์ลิควิด บริดสโตน อินเทล รวมถึงสตาร์บัคส์ซึ่งจีนเป็นตลาดใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากสหรัฐฯ มีแผนขยายร้านค้าเพิ่มจำนวน 500 สาขาในปีนี้ และวางเป้าหมายจ้างแรงงานในจีนปีละ 10,000 ตำแหน่งในปี 2562 นอกจากนี้ยังมีบริษัท อูเบอร์ ของสหรัฐฯได้ลงทุนในจีน 6,300 ล้านหยวน เพื่อขยายการบริการขนส่งผู้โดยสาร รวมถึงบริการสินเชื่อและธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
นางณชธร มโนปัญจสิริ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ นครคุนหมิง กล่าวว่า การที่บริษัทข้ามชาติหลายแห่งต่างปักหลักลงทุนในจีนย่อมแสดงให้เห็นว่า ตลาดจีนยังคงมีศักยภาพและมีความได้เปรียบด้านเงินทุน เทคโนโลยี ฝีมือแรงงาน ห่วงโซ่อุปทานที่มีประสิทธิภาพและสภาพแวดล้อมธุรกิจ ถึงแม้ว่าปัจจุบันเศรษฐกิจจีนยังคงชะลอตัวลงและเกิดความผันผวนในตลาดการเงินบ้าง แต่นโยบาย New Normal จะช่วยป้องกันการสะสมความเสี่ยงและเพิ่มประสิทธิภาพการจัดสรรเงินทุน ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในระยะยาว โอกาสการลงทุนของผู้ประกอบการจากไทยในจีนก็ยังคงเปิดกว้าง และมีโอกาสประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะธุรกิจภาคบริการ เช่น ร้านอาหาร สปา โรงแรมและอี-คอมเมิร์ซ เนื่องจากมีนโยบายกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศและธุรกิจภาคบริการมากขึ้น
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้เสนอนโยบาย New Normal ซึ่งจีนกำลังปรับโครงสร้างอุตสาหกรรม โดยเน้นการขยายตัวด้านคุณภาพมากกว่าปริมาณ เพื่อรักษาศักยภาพและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในระยะยาว รวมทั้งเป็นแนวนโยบายการเพิ่มบทบาทของจีนในเวทีโลก ซึ่งเป็นที่มาของการเดินหน้าปฏิรูปเศรษฐกิจจีนในปัจจุบัน