"ขณะที่ผลกำไรนั้นเป็นที่ทราบกันก่อนการประมูล ซึ่งมีการคาดการณ์เอาไว้แล้วว่าระยะเวลาคืนทุนน่าจะอยู่ที่ประมาณ 5 ปีขึ้นไปในสถานการณ์เช่นนี้ ความยากในการแข่งขันของผู้ประกอบการทุกรายจึงเป็นสิ่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ แต่สุดท้ายเนื้อหารายการจะเป็นตัวชี้วัดความสำเร็จของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมนี้อย่างแท้จริง"ประธาน กสท.กล่าว
สำหรับช่องดิจิตอลทีวีที่ได้รับความนิยมเป็นลำดับต้นๆ ได้แก่ Workpoint เรตติ้งขึ้นมาอยู่ในอันดับ 3 ตั้งแต่ปลายปี 57 ขณะที่ช่อง 8 และช่อง MONO 29 ขึ้นมาติดอันดับ 4 และอันดับ 5 ในช่วงต้นปี 58 ส่วนสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 และช่อง 7 ในระบบอนาล็อกเดิมนั้น ยังเป็นสองช่องทีวีที่ครองตลาดส่วนใหญ่ แต่มีแนวโน้มที่ช่องทีวีมีกลุ่มเป้าหมายชัดเจน (Target group) กำลังมีเรทติ้งสูงขึ้น
พ.อ.นที กล่าวว่า ผลจากการเปลี่ยนผ่านระบบโทรทัศน์จากระบบอนาล็อกไปสู่การรับส่งสัญญาณโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอลทีวี ขณะนี้เริ่มเห็นจำนวนผู้ชม เม็ดเงินโฆษณา และเม็ดเงินในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องมีการปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ณ สิ้นเดือน ธ.ค.58 สัดส่วนการรับชมโทรทัศน์ต่อนาที (%Share of TV Audience) จากทุกช่องทางการรับชม (Platform) ระหว่างช่องรายการเดิมและช่องรายการใหม่ขยับขึ้นเป็น 62% ต่อ 38% จาก ณ สิ้นเดือน ธ.ค.57 อยู่ที่ 82% ต่อ 18% สะท้อนว่าประชาชนหันมาสนใจรับชมดิจิตอลทีวีมากขึ้น ประกอบการหลายช่องเริ่มปรับตัวหาจุดแข็งให้กับช่องตัวเอง โดยให้ความสำคัญกับคุณภาพเนื้อหา และมีการลงทุนด้านความสวยงามของภาพผ่านหน้าจอโทรทัศน์ด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ
พ.อ.นที กล่าวว่า ดิจิตอลทีวียังช่วยให้อุตสาหกรรมโฆษณาในปี 58 มีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด เม็ดเงินโฆษณาได้กระจายสู่ดิจิตอลทีวีที่เคยกระจุกตัวอยู่ที่ 6 ช่องหลัก โดยปี 58 มูลค่าโฆษณาในดิจิตอลทีวีมีอัตราเติบโตถึง 144% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า คิดเป็นเม็ดเงินเข้าช่องดิจิตอลทีวีทั้งสิ้น 20,930 ล้านบาท จากปีก่อนหน้าอยู่ที่ 8,584 ล้านบาท ขณะที่เม็ดเงินโฆษณาใน 6 ช่องเดิมในปี 58 ลดลงเหลือ 57,526 ล้านบาท จากปีก่อนหน้าอยู่ที่ 63,776 ล้านบาท และยังทำให้ภาพรวมการลงโฆษณาในอุตสาหกรรมทีวีปี 58 สูงขึ้นถึง 78,456 ล้านบาท จากปีก่อนหน้าอยู่ที่ 72,360 ล้านบาท หรือเติบโต 8.43% แม้เศรษฐกิจจะไม่ดีนักในช่วงที่ผ่านมา
ขณะที่ในปีที่ผ่านมาโทรทัศน์ที่สามารถรับสัญญาณดิจิตอลทีวีได้มียอดจำหน่าย 4.4 ล้านเครื่อง กล่องรับสัญญาณดิจิตอล (Set-Top-Box) มียอดจำหน่ายกว่า 8.7 ล้านกล่อง และอุปกรณ์สื่อสารที่สามารถรองรับสัญญาณดิจิตอลทีวี เช่น สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต มียอดจำหน่าย 1.4 ล้านเครื่อง ซึ่งทำให้มีช่องทางในการเข้าถึงดิจิตอลทีวีได้มากขึ้นและยังส่งผลดีต่อการขยายตัวของผู้ชมด้วย