ขณะที่ภูเก็ต แมริออท รีสอร์ท แอนด์ สปา,ในยางบีช บนพื้นที่ 24 ไร่ รวมห้องพัก 197 ห้อง ตั้งอยู่บนหาดในยาง ที่ใช้งบประมาณกว่า 2,300 ล้านบาท พร้อมเปิดให้บริการครั้งแรกในวันที่ 9 เม.ย.นี้ รวมถึงโปรเจ็คใหญ่การกลับมาของโรงแรมระดับตำนานของประเทศไทยในชื่อ โรงแรมแบงค็อกแมริออทควีนส์ปาร์ค สุขุมวิทที่ใช้งบประมาณรีโนเวทกว่า 3,500 ล้านบาทพร้อมที่จะเปิดเฟสแรกในเดือน ก.ค.นี้ และเฟสที่สองในเดือน พ.ย.
อนึ่ง ทีซีซี โฮเทลส์ กรุ๊ป ได้มีการลงนามสัญญาให้เชนโรงแรมดังระดับโลกอย่างแมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล เข้ามาพัฒนาและบริหารโรงแรมและรีสอร์ทตั้งแต่ปี 56 ซึ่งการเปิดตัวโรงแรมทั้ง 3 แห่งในปีนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนการขยายธุรกิจโรงแรมผ่านเครือแมริออทอินเตอร์เนชั่นแนลที่มีการเซ็นสัญญาร่วมกันรวม 7 แห่ง โดยมีเงินลงทุนรวมทั้งสิ้นกว่า 23,000 ล้านบาทบนทำเลที่มีศักยภาพสูงทั้งในกรุงเทพฯ หัวหิน ภูเก็ต และพัทยา ส่วนใหญ่เป็นโรงแรมขนาดกลางถึงใหญ่ เพื่อรองรับการเติบโตของตลาดธุรกิจท่องเที่ยวและประชุมสัมมนา (MICE) ของประเทศ อีกทั้งเป็นการเตรียมความพร้อมการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC)
นางวัลลภา กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปีนี้เติบโตราว 50% จากปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ราว 8 พันล้านบาท จากการมีโรงแรมเปิดใหม่เพิ่มในปีนี้ โดยปัจจุบันบริษัทมีโรงแรมภายใต้การบริหารจัดการเองและร่วมมือกับกลุ่มบริหารโรงแรมระดับโลกให้เข้ามาบริหารใน 7 ประเทศ จำนวน 40 แห่ง และการเปิด 3 โรงแรมแห่งใหม่นี้ จะทำให้สิ้นปีนี้บริษัทมีจำนวนโรงแรมทั้งหมด 43 แห่ง และมีจำนวนห้องรวมกว่า 10,000 ห้อง
อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์การลงทุนโรงแรมไปถึงปี 65 บริษัทจะเน้นการลงทุนโรงแรมในประเทศไทยเป็นหลัก โดยวางเงินลงทุนไว้ถึงปี 65 ที่ 6 หมื่นล้านบาท สำหรับการลงทุนโรงแรมในประเทศไทย โดยปัจจุบันมีโรงแรมที่อยู่ระหว่างรอการดำเนินการที่ชัดเจรนแล้ว 4 แห่ง ได้แก่ โรงแรม BANYAN TREE พัทยา โรงแรมรีเวอร์ฟร้อนท์ โรงแรม The Rizt Carlton ลุมพินี และโรงแรมมาริออท สุรวงศ์ โดยภายในปี 65 สัดส่วนรายได้ของธุรโรงแรมของบริษัทจะเพิ่มเป็น 70% จากปัจจุบันอยู่ที่ 40% หลังโรงแรมเปิดดำเนินการได้ตามแผน