ทั้งนี้ ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานต้องร่วมกันทำให้ระบบพร้อมใช้งานได้ภายในวันที่ 1 มิ.ย.59 รวมทั้งต้องส่งเสริม และผลักดันให้มีผู้ใช้เกินกว่า 50% ของจำนวนการขอจดทะเบียน รวมถึงต้องขยายผลเชื่อมโยงระบบด้านอื่นๆ ของการเริ่มต้นธุรกิจ เช่น เชื่อมโยงกับการขออนุญาตก่อสร้าง การขอใช้ไฟฟ้า น้ำประปาสำหรับผู้ประกอบการในกรุงเทพฯ ภายในวันที่ 1 ก.ย.59 และให้ขยายผลใช้ได้ทั่วประเทศภายในวันที่ 1 ธ.ค.59 เพื่อให้ทันกับการเก็บข้อมูลของธนาคารโลก ที่จะเริ่มสอบถามจากบริษัทกฎหมาย เกี่ยวกับความยากง่ายในการเริ่มต้นทำธุรกิจในไทยในเดือนมี.ค.-พ.ค.นี้ และจะนำข้อมูลต่างๆ มาประเมินผลในเดือนมิ.ย. โดยจะประกาศผลอันดับความยากง่ายของการเริ่มต้นทำธุรกิจของประเทศต่างๆ ทั่วโลกในเดือนต.ค.นี้ เพราะหากไทยถูกจัดอันดับให้แย่ลง หรืออยู่เท่าเดิม จะกระทบต่อความน่าสนใจในการทำเข้ามาทำธุรกิจ รวมถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ และขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ
"จากรายงานผล Doing Business 2016 ของธนาคารโลก ประเทศไทยถูกจัดอันดับอยู่ที่ 49 จาก 189 ประเทศทั่วโลก ลดลงจากอันดับที่ 46 ในปีก่อนหน้า สวนทางกับประเทศในอาเซียนที่ล้วนขยับขึ้น เช่น เวียดนาม จาก 93 เป็น 90 และพม่า จาก 177 เป็น 167 ซึ่งเรื่องนี้นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญมาก และต้องการเห็นอันดับประเทศไทยดีขึ้น ปัจจุบันการตั้งบริษัทในไทยจะใช้เวลา 6.5 วัน จากเดิม 27 วัน แต่ถ้าระบบ BIZ Portal สำเร็จ จะใช้เวลาเพียง 1 วันเท่านั้น คาดว่าเมื่อจัดทำเสร็จแล้ว ในปีนี้อันดับของไทยจะดีขึ้น และหลังจากนั้นจะแก้ปัญหาเกี่ยวกับการชำระภาษี การคุ้มครองนักลงทุน การล้มละลาย เป็นต้น ซึ่งเป็นสิ่งที่นักลงทุนยังไม่ได้รับความสะดวกเท่าไรนัก" รมช.พาณิชย์ กล่าว
พร้อมระบุว่า สำหรับการใช้งานระบบ Biz Portal ผู้ประกอบการยื่นขอจดทะเบียนธุรกิจที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้าจะได้รับ Username เพื่อใช้เข้าระบบ Biz Portal และสามารถยื่นขอขึ้นทะเบียนนายจ้าง หรือยื่นข้อบังคับการทำงานผ่านระบบออนไลน์ได้ทันที โดยไม่ต้องติดต่อหลายหน่วยงานด้วยตนเอง ช่วยลดขั้นตอน แบบฟอร์ม เอกสารหลักฐานที่ต้องใช้ ที่สำคัญลดระยะเวลาการจัดตั้งธุรกิจจากเดิม 6.5 วัน เหลือเพียง 1 วัน