ดังนั้นเพื่อตอบคำถามนี้ นวัตกรรมจึงเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นอย่างมาก สินค้าและบริการของ SMEs จะสู้กับคู่แข่งที่มีขนาดใหญ่ได้ สินค้าและบริการนั้นต้องมีความโดดเด่น โดนใจตลาด ซึ่งในเรื่องนี้ สสว.พยายามจะนำนวัตกรรมมากมายที่มีอยู่ในศูนย์วิจัยของมหาวิทยาลัย และหน่วยงานต่างๆ ของกระทรวงวิทยาศาสตร์ มาประยุกต์ให้เป็นประโยชน์ในเชิงพาณิชย์แก่ผู้ประกอบการในโครงการ Regular SME และจะช่วยในเรื่องส่งเสริมการขายทั้งในประเทศ ต่างประเทศ และโดยช่องทาง E- commerce อีกด้วย
โครงการ Regular SME เปิดรับสมัครผู้ประกอบการที่เป็นสมาชิก สสว.และเป็นนิติบุคคลโดย สสว. ตั้งเป้าว่าจะมีผู้ประกอบการทั่วประเทศ สมัครเข้าร่วมโครงการจำนวนไม่น้อยกว่า 10,000 ราย ผู้ประกอบการจะได้รับการวินิจฉัยเป็นรายกิจการ โดยผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี เพื่อหาทางเพิ่มขีดความสามารถใน 4 ด้าน ได้แก่ 1. ด้านการจัดการและมาตรฐานการดำเนินธุรกิจ 2.การลดต้นทุนกิจการและการบริหารโลจิสติกส์ 3.การบริหารด้านการเงิน 4.การบริหารด้านไอที และการตลาดดิจิตอล รวมไปถึงการปรับปรุงสินค้าและบริการ
"สสว.หวังว่าการดำเนินโครงการฯ จะสามารถพัฒนาผู้ประกอบการให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันเพิ่มขึ้น จนสามารถเติบโตยั่งยืนอย่างเป็นระบบ ซึ่งจะสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาผู้ประกอบการ จากการประกาศให้ SMEs เป็นวาระแห่งชาติอีกด้วย" นางสาลินี กล่าว
สำหรับโครงการ Regular SME ได้รับการจัดสรรงบประมาณจากคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เฉพาะกิจ) เป็นวงเงิน 200 ล้านบาท ซึ่ง สสว.ดำเนินโครงการร่วมกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และภาคีที่สำคัญ ได้แก่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี, มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์, สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้การสนับสนุนการวินิจฉัยธุรกิจระดับเติบโต ให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันเพิ่มขึ้นจนเต็มศักยภาพของแต่ละกิจการ โดย สสว.และภาคีจะช่วยสนับสนุนในเรื่องการนำนวัตกรรมมาประยุกต์ใช้กับสินค้าและบริการให้เป็นที่ต้องการของตลาดมากขึ้น การขยายตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมไปถึงการเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายแบบ e-commerce และการสร้างเครือข่ายความร่วมมือทางธุรกิจ
ในขั้นตอนการรับสมัคร จะเปิดรับสมัครและคัดเลือกผู้ประกอบการ SMEs ที่เป็นสมาชิก สสว. และเป็นนิติบุคคลที่ทำกิจการอยู่แล้ว และต้องการที่จะเติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งสสว.จะจัดทีมที่ปรึกษาและผู้เชี่ยวชาญเข้าวินิจฉัยในเชิงลึกเป็นรายกิจการ เพื่อช่วยปรับปรุงการผลิต การให้บริการ และการจำหน่าย โดยมีธนาคาร SME ให้การสนับสนุนทางด้านการเงินในกรณีที่ SMEs ต้องการปรับปรุงหรือขยายกิจการ
ปัจจุบัน โครงการดังกล่าวได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการ SMEs ทั่วประเทศ ขณะนี้มีสมาคมการค้าต่าง ๆ มากกว่า 40 สมาคม กลุ่ม Cluster กว่า 10 กลุ่ม ได้ส่งผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 3,000 ราย จากเป้าหมายการรับสมัคร 10,000 ราย โดย สสว.คาดว่าโครงการนี้จะสร้างสมรรถนะการประกอบการให้เข้มแข็งยั่งยืนอย่างเป็นระบบ สามารถสนับสนุนให้ผู้ประกอบการผ่านกระบวนการส่งเสริม และพัฒนาให้แข่งขันได้ในระดับสากลไม่น้อยกว่า 2,000 ราย ส่วนอีก 8,000 ราย จะเป็น SMEs ที่มีสถานภาพเข้มแข็งและเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศได้อย่างเป็นรูปธรรมต่อไป