"ปัญหาขณะนี้ คือ โรงสีที่มีอยู่ในปัจจุบันจำนวนมาก มีกำลังการผลิตเกินกว่าผลผลิตข้าวถึง 3 เท่า แต่ไม่กระจายตัว ส่วนใหญ่จะอยู่ในภาคกลาง ส่วนภาคเหนือ และภาคอีสาน ที่ทำนาปี มีโรงสีน้อย ไม่เพียงพอกับปริมาณผลผลิตข้าว จึงอาจให้โรงสีพื้นที่อื่นๆ เข้ามารับซื้อ หรืออาจจัดเป็นตลาดนัดซื้อขายข้าวเปลือก หรืออาจเป็นการรับซื้อล่วงหน้า โดยมีสัญญามาตรฐานระหว่างโรงสีและเกษตรกร เป็นต้น ซึ่งโรงสีจะทำแผนกลับมาเสนอกระทรวงวันที่ 17 มี.ค.นี้ นอกจากนี้ กระทรวงฯจะตรวจสอบเครื่องชั่ง และเครื่องวัดความชื้น เพื่อป้องกันการโกงน้ำหนักข้าว และความชื้นด้วย"น.ส.ชุติมา กล่าว
นอกจากนั้น ได้มอบหมายกรมการค้าภายในไปกำกับดูแล ติดตาม และตรวจสอบ การซื้อขายให้เป็นธรรม โดยให้ตรวจสอบเรื่องการปิดป้ายราคารับซื้อ เครื่องชั่ง เครื่องวัดความชื้น การซื้อขายข้าวให้เป็นไปตามมาตรฐาน การส่งเสริมให้ชาวนามีความรู้ความเข้าใจในระบบการซื้อขายข้าวเปลือกที่มีมาตรฐาน ซึ่งจะทำให้มีการพัฒนาระบบการค้าข้าวและเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย ส่งผลให้ชาวนาอยู่ได้อย่างมั่นคงยั่งยืน รวมทั้งติดตามตรวจสอบพ่อค้าท้องถิ่นหรือผู้รวบรวมข้าวเปลือกไม่ให้เอารัดเอาเปรียบในการรับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกร
ปัจจุบันมีโรงสีประมาณ 1,400 โรง กำลังผลิตกว่า 300,000 เมตริกตัน/วัน เทียบกับผลผลิตข้าวของปี 2558/59 คาดว่าจะมีปริมาณ 27.06 ล้านตันข้าวเปลือก กำลังการผลิตของโรงสีมีเกินกว่าปริมาณผลผลิตถึง 3 เท่า เมื่อพิจารณากำลังการผลิตในแต่ละภาคและจังหวัดเทียบกับปริมาณผลผลิตแล้ว พบว่า ในภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ จำนวนโรงสีและกำลังการผลิตเกินปริมาณผลผลิต ยกเว้นภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในบางพื้นที่ มีโรงสีน้อยเมื่อเทียบกับผลผลิต โดยเฉพาะในช่วงผลผลิตออกสู่ตลาดพร้อมกันเป็นจำนวนมาก ในกรณีนี้กรมการค้าภายใน จะจัดตลาดนัดข้าวเปลือก เพื่อให้เกษตรกรมีทางเลือกเพิ่มขึ้นในการจำหน่ายข้าวเปลือก
นอกจากนี้ สมาคมโรงสีข้าวไทย ยังได้ขอให้ภาครัฐช่วยเหลือในการผลักดันให้โรงสีสามารถเป็นผู้ส่งออกข้าวได้ด้วย ซึ่งได้ยืนยันว่ากระทรวงฯไม่ได้จำกัดหลักเกณฑ์ที่โรงสีจะทำธุรกิจเป็นผู้ส่งออก เพียงแต่ต้องขอใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบการค้าข้าวเพื่อส่งออก ไม่จำเป็นต้องเข้ามาเป็นสมาชิกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยก็ได้ เพียงแต่หากโรงสีที่เป็นผู้ส่งออกข้าวแล้วเข้าไปเป็นสมาชิกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย จะได้รับทราบข้อมูลของการส่งออกข้าว หรือกิจกรรมต่างๆ ที่ครอบคลุมกว่า แต่กระทรวงฯยืนยันว่า ให้ความเท่าเทียมกันในการประมูลซื้อข้าวรัฐ ทั้งโรงสี และผู้ส่งออกข้าว รวมถึงให้ความเป็นธรรมในการร่วมกิจกรรมเปิดตลาดข้าวกับภาครัฐด้วย