นอกจากนี้ ได้มอบหมายให้กระทรวงการคลังเร่งสร้างความเชื่อมั่นให้คนไทย แม้ว่าพื้นฐานและสถานการณ์เศรษฐกิจไทยจะอยู่ในเกณฑ์ที่ดี แต่ตัวเลขส่งออกในเดือน ม.ค.59 ซึ่งติดลบ 8.9% นั้นอาจจะต่ำไปบาง แต่ก็เป็นภาพการส่งออกที่อยู่ในเกณฑ์ดีกว่าเมื่อเทียบกับหลายประเทศในภูมิภาคเอเชีย โดยหากตัดเรื่องทองคำและน้ำมันออกไปจะพบว่าส่งออกไทยติดลบเพียง 5% เท่านั้น
"ตอนนี้เศรษฐกิจโลกไม่ค่อยดี จีนก็มีการปรับลดคาดการณ์การเติบโตลง ดังนั้นไทยเองต้องไม่ประมาท และอยากให้กระทรวงการคลังเร่งสร้างความเชื่อมั่นโดยการเอาตัวเลขที่ดีๆ ออกมาทำความเข้าใจ โดยเฉพาะตัวเลขส่งออกที่หากดูในแง่ปริมาณแล้วเราไม่ได้ลดลงเลย กลับจะเพิ่มขึ้นด้วยซ้ำ หากสามารถชี้แจงเพื่อสร้างความเข้าใจได้ เชื่อว่าความเชื่อมั่นของภาคเอกชนก็จะกลับมา เพราะว่าตอนนี้จิตใจคนไทยต้องได้รับการดูแลในเรื่องนี้ และตัววัดด้านเศรษฐกิจอื่น ๆ เราก็ดี เชื่อว่าเราทำได้" นายสมคิด กล่าว
พร้อมระบุว่า อยากให้กระทรวงการคลังเร่งชี้แจงเกี่ยวกับความคืบหน้าของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ที่ได้ดำเนินการไปแล้ว และเตรียมจะดำเนินการด้วย เพื่อสร้างความเข้าใจอย่างถูกต้องในระยะต่อไป โดยในครึ่งแรกของปีนี้ คาดว่าว่าจะมีเม็ดเงินที่ไหลเข้าสู่ระบบอย่างน้อยกว่า 1 แสนล้านบาท ทั้งจากโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของท้องถิ่น วงเงิน 3.5 หมื่นล้านบาท การเร่งลงทุนของบอร์ดแบนของกระทรวงไอซีที ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท จากทั้งหมด 2 หมื่นล้านบาท โครงการสินเชื่อและโครงการ 1 ตำบล 1 เอสเอ็มอีเกษตรของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เบื้องต้น 2 หมื่นล้านบาท และงบประมาณจากโครงการตำบลละ 5 ล้านบาทอีก 2-3 หมื่นล้านบาท รวมถึงงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) อีก 5-6 หมื่นล้านบาท โดยส่วนนี้คาดว่าจะทยอยเข้าสู่ระบบได้ภายในไตรมาส 1-2 ของปีนี้
ทั้งนี้ เชื่อว่าเม็ดเงินดังกล่าวจะเข้าสู่ระบบ เพื่อช่วยดูแลและหล่อเลี้ยงไม่ให้เศรษฐกิจไทยเกิดปัญหาได้ พร้อมทั้งยังได้มอบหมายให้กระทรวงการคลังเร่งหาแนวทางในการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ปีก่อนเดินทางเข้าไทยสูงถึง 30 ล้านคน ซึ่งหากส่วนนี้ทำได้ก็จะช่วยพยุงเศรษฐกิจได้ดีมาก ทำให้รายได้เพิ่มขึ้นอย่างมากอีกด้วย
นอกจากนี้ ในส่วนของการเบิกจ่ายต้องดูแลให้ดีขึ้น มีการวางแผนการเบิกจ่ายเพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมาย โดยมอบให้นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รมช.คลัง เข้าไปดูแลในส่วนนี้อย่างใกล้ชิด โดยสัปดาห์หน้าจะรายงานตัวเลขการเบิกจ่ายให้นายกรัฐมนตรีรับทราบ รวมทั้งอยู่ระหว่างการเก็บข้อมูลเกี่ยวกับงบประมาณในโครงการลงทุนที่ไม่จำเป็นหรือเบิกจ่ายไม่ทัน โดยจะให้เรียกกลับมารองรับนโยบายของนายกรัฐมนตรี หากมีความจำเป็นต้องใช้เงินเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก
"ขอชมเชย ธ.ก.ส.ที่ทำมาตรการเรื่องสินเชื่อและโครงการ 1 ตำบล 1 เอสเอ็มอีเกษตรออกมาได้ดีมาก ตรงนี้เป็นประโยชน์มาก และหลังจากนี้อยากให้ไปดูการขยายแนวทางการให้ความช่วยเหลือออกไปในพื้นที่ส่วนอื่นๆ ด้วย และให้ไปดูเรื่องงบประมาณที่จะใช้รองรับกรณีดำเนินการทั้งประเทศ ถ้าทำให้จะเป็นเรื่องที่ดี โดยเรื่องการปฏิรูปภาคเกษตรอยากให้เป็นวาระสำคัญของ ธ.ก.ส." รองนายกรัฐมนตรี กล่าว
นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังประชุมหารือร่วมกับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงการคลังในวาระพิเศษว่า นายสมคิด ได้สั่งการให้กระทรวงการคลังไปศึกษามาตรการกระตุ้นการบริโภคภาคเอกชน โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อย เช่น เกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ รวมทั้งข้าราชการ ลูกจ้าง และผู้ใช้แรงงานที่มีรายได้น้อยว่าจะสามารถใส่เงินเข้าไปในระบบผ่านกลุ่มคนเหล่านี้ เพื่อให้เกิดการใช้จ่ายในช่วง 3-4 เดือนข้างหน้านี้ได้มากขึ้นอย่างไร
"นายสมคิด ขอให้คลังต้องเป็นตัวนำในการคิดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการกระตุ้นการใช้จ่าย ซึ่งรูปแบบการใส่เงินเข้าไปคงต้องไปหารือว่าจะทำอย่างไร จะให้ได้ข้อสรุปโดยเร็วใน 1-2 สัปดาห์นี้ ก่อนเสนอกลับไปให้นายสมคิดพิจารณาแล้วออกเป็นมาตรการ" ปลัดกระทรวงการคลังกล่าว
พร้อมระบุว่า ได้รายงานภาวะเศรษฐกิจไทยให้รองนายกรัฐมนตรีรับทราบ โดยภาพรวมเศรษฐกิจไทยไม่ได้แย่ พื้นฐานเศรษฐกิจยังมีความแข็งแกร่ง แต่จากข่าวเชิงลบที่ออกไปทำให้เกิดผลกระทบกับความเชื่อมั่นโดยรวม โดยนายสมคิด ได้สั่งให้กระทรวงการคลังเร่งชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงมาตรการในช่วง 3-4 เดือนข้างหน้าที่กำลังดำเนินการ เช่น มาตรการท่องเที่ยวประชารัฐ ของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
นอกจากนี้ ยังมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่มีปัญหาภัยแล้ง ช่วง 3-4 เดือนข้างหน้าอีกกว่า 1 แสนล้านบาท มาจากโครงการเบิกจ่ายหมู่บ้านละ 5 แสนบาท ในวงเงินรวม 3.5 หมื่นล้านบาท และเร่งเบิกจ่ายงบค้างท่อของส่วนท้องถิ่น อีกกว่า 5-6 หมื่นล้านบาท ซึ่งนายสมคิด ได้ประชุมหารือร่วมกับนายกองค์การบริการส่วนตำบล (อบต.) และนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด ( อบจ.) แล้วว่าให้เร่งนำงบประมาณดังกล่าวเข้าสู่ท้องถิ่นโดยเร็ว รวมถึงโครงการของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) คือ เอสเอ็มอีเกษตร 1 ตำบล 2 หมื่นล้านบาทที่จะเข้าสู่ท้องถิ่นด้วยเช่นกัน
ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) รายงานให้ทราบว่าเศรษฐกิจไทยยังไม่น่าเป็นห่วง การบริโภคภายในประเทศสะท้อนจากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มยังเป็นบวก สัดส่วนหนี้ต่างประเทศ เงินทุนสำรองระหว่างประเทศ อัตราการว่างงานยังสะท้อนความมีเสถียรภาพเศรษฐกิจไทยที่แข็งแกร่ง ส่วนการส่งออกของไทยในเดือน ม.ค.ที่ยังลดลง -8.9% นั้นยังดีกว่าหลายประเทศ มีเพียงไม่กี่ประเทศที่ส่งออกดีกว่าไทย เช่น อินโดนีเซีย เป็นต้น
นายสมชัย กล่าวว่า รองนายกรัฐมนตรียังให้กระทรวงการคลังเร่งจัดตั้งกองทุนเพิ่มขีดความสามารถ 10 กลุ่มอุตสาหกรรม ซึ่งถ้าออกได้เร็วก็จะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน โดยในวันพรุ่งนี้ (8 มี.ค.) จะหารือกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อชี้แจงความจำเป็นในการจัดตั้ง และคาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วง 1-2 เดือน รวมถึงการจัดตั้งกองทุนไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์ที่คาดว่าจะตั้งได้ภายในเดือน มี.ค. และสามารถระดมทุนกว่าแสนล้านบาทได้ในช่วง มิ.ย.นี้