การลงนามความร่วมมือในครั้งนี้ คปภ. และ ธ.ก.ส. มีวัตถุประสงค์จะร่วมมือกันเพื่อให้พนักงานของทั้ง 2 หน่วยงาน สร้างองค์ความรู้ความเข้าใจในสิทธิประโยชน์ความคุ้มครองประกันภัยนำไปเผยแพร่สู่เกษตรกร ลูกค้าธนาคาร องค์กรภาคการเกษตร และประชาชนทั่วไป ให้ตระหนักถึงคุณค่าและคุณประโยชน์ของการสร้างหลักประกันความมั่นคงในชีวิตและทรัพย์สินให้กับตนเองและครอบครัว โดยใช้ระบบประกันภัยเป็นเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยง อันเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันของครัวเรือนในภาคชนบท และขับเคลื่อนโครงการประกันภัยพืชผลซึ่งเป็นนโยบายของรัฐบาลให้ภาคการเกษตรมีความมั่นคงยั่งยืน
"การร่วมมือขับเคลื่อนภารกิจเป็นประโยชน์ในการพัฒนาระบบเศรษฐกิจของประเทศในครั้งนี้ จะทำให้พนักงานของทั้งสองหน่วยงาน มีความรู้ความเข้าใจ พร้อมทำงานร่วมกัน โดยส่งเสริมและแลกเปลี่ยนความรู้ด้านการเงิน การประกันภัย เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ ร่วมจัดกิจกรรมรณรงค์ให้กับเกษตรกร ลูกค้า ธ.ก.ส. ประชาชนทั่วไปและองค์กรภาคการเกษตร เช่น กองทุนหมู่บ้าน กลุ่มวิสาหกิจชุมชน สถาบันการเงินชุมชน สหกรณ์การเกษตร สามารถกระจายองค์ความรู้ด้านการป้องกันความเสี่ยงด้านการผลิตของเกษตรกร รวมถึงสร้างทัศนคติที่ดีในระบบประกันภัย โดยให้สามารถเข้าถึงระบบการประกันภัยอย่างทั่วถึง และใช้เป็นช่องทางในการบริหารจัดการด้านการเงินและการประกันภัยให้แก่ชุมชน และครัวเรือนในภาคชนบท" ผู้จัดการ ธ.ก.ส.กล่าว
สำหรับโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2558 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2558 ที่ผ่านมา มีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการ 92,064 ราย พื้นที่ 1,512,072.25 ไร่ คุ้มครองภัย 7 ประเภท คือ น้ำท่วมหรือฝนตกหนัก ฝนทิ้งช่วง ลมพายุหรือไต้ฝุ่น อากาศหนาว ลูกเห็บ ไฟไหม้ ศัตรูพืชและโรคระบาด และสำหรับปีการผลิต 2559 มีเป้าหมายจะขยายพื้นที่ประกันภัยข้าวนาปีเพิ่มขึ้นเป็น 3,000,000 ไร่ โดยร่วมมือกับ คปภ.เพื่อให้บรรลุเป้าหมายร่วมกัน