ทั้งนี้ ตลาดรถยนต์ในปี 59 ยังอยู่ท่ามกลางปัจจัยลบสำคัญหลายประการ เช่น ภัยแล้งที่น่าจะรุนแรงกว่าปีที่ผ่านมา ราคาสินค้าเกษตรที่ยังคงตกต่ำต่อเนื่อง โดยเฉพาะราคายาง ภาวะหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ระดับสูง ความเข้มงวดของการปล่อยสินเชื่อที่ยังคงดำเนินต่อ ภาคการส่งออกที่ยังมีความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า และยังรวมไปถึงการทยอยปรับขึ้นราคารถยนต์ในปีนี้เพื่อรับกับภาษีสรรพสามิตรถยนต์ใหม่ในระดับราคาตั้งแต่หลักพันถึงหลักแสนบาท ซึ่งอาจกระทบต่อยอดขายรถยนต์ในช่วงไตรมาสแรกค่อนข้างมากหลังจากเสร็จสิ้นช่วงส่งมอบรถยนต์ที่ได้รับการจองในช่วงปลายปีที่ผ่านมา โดยราคาที่ปรับขึ้นในช่วงที่กำลังซื้อของผู้บริโภคยังอ่อนแรงย่อมกระทบต่อยอดขายรถยนต์ไม่มากก็น้อยขึ้นกับระดับราคาที่ปรับขึ้น ความสามารถในการซื้อและความต้องการของลูกค้าแต่ละกลุ่ม
"สถานการณ์ตลาดที่มีแรงกดดันสูงอย่างต่อเนื่องมาจากปี 2558 ส่งผลให้คาดว่า ตลาดรถยนต์ในประเทศปี 2559 จะมีโอกาสหดตัวลงต่อเนื่องเมื่อเทียบกับปีก่อนซึ่งปิดปีด้วยยอดขาย 799,592 คัน หรือหดตัวกว่า 9% จากปี 2557 โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่าในปีนี้มีโอกาสที่ยอดขายรถยนต์ในประเทศจะเคลื่อนไหวอยู่ในช่วงหดตัว 5-10% หรือคิดเป็นยอดขายประมาณ 720,000 ถึง 760,000 คัน" เอกสารเผยแพร่ ระบุ
ภายใต้สภาวะตลาดที่ท้าทายต่อเนื่องอีกปีนั้น คาดว่า ค่ายรถยนต์จะดำเนินกลยุทธ์หลายด้านเพื่อรักษาผลการดำเนินธุรกิจ ซึ่งนอกจากการผลักดันยอดส่งออกแล้ว ค่ายรถยนต์คงจะเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าศักยภาพผ่านการออกรถยนต์รุ่นใหม่ๆ และการปรับโครงสร้างธุรกิจให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น ซึ่งศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า รถยนต์ในกลุ่ม SUV ขนาดเล็ก (B-SUV) อีโคคาร์ และปิกอัพ อาจทำตลาดได้ดีกว่ารถยนต์ประเภทอื่น โดยคาดว่ายอดขายรถ B-SUV ในปี 2559 อาจมีโอกาสทรงตัวจากปีก่อน หรือคิดเป็นจำนวนรถยนต์ราว 33,000 คัน ขณะที่รถยนต์อีโคคาร์และรถปิกอัพ 1 ตัน มีโอกาสหดตัวไม่เกิน 7% หรือคิดเป็นยอดขายรถอีโคคาร์ไม่น้อยกว่า 82,000 คัน และยอดขายรถปิกอัพ 1 ตัน ไม่น้อยกว่า 300,000 คัน
"ช่วงที่ผ่านมาพบว่าอัตราการขยายตัวของยอดขายรถอีโคคาร์และรถปิกอัพเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันในปีก่อนหน้าโดยรวมแล้วมีแนวโน้มที่ดีขึ้น ขณะที่รถ B-SUV ขยายตัวสูงมาตลอดปี และมีการหดตัวลงใกล้เคียงกับรถอีโคคาร์และปิกอัพในเดือนมกราคม 2559 ซึ่งเป็นการหดตัวน้อยเมื่อเทียบกับรถประเภทอื่น" เอกสารเผยแพร่ ระบุ
ดังนั้นค่ายรถยนต์คงจะเน้นการเจาะกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูงหรือฐานลูกค้าที่ยังพอได้รับอานิสงส์จากการเติบโตทางเศรษฐกิจในประเทศผ่านการนำเสนอรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ในกลุ่มประเภทรถยนต์ที่ยังคงมีศักยภาพ พร้อมทั้งเน้นความคุ้มค่าด้านราคาและสมรรถนะควบคู่ไปกับการปรับโครงสร้างธุรกิจให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น นอกจากนี้การที่ภาษีรถคันแรกเริ่มปลดล็อกในปีนี้เป็นปีแรก (สำหรับผู้ที่ซื้อในปี 2554) ก็อาจจะเป็นโอกาสสำหรับค่ายรถและลีสซิ่งต่างๆ ที่จะนำเสนอแคมเปญส่งเสริมการตลาดเพื่อกระตุ้นกลุ่มลูกค้าศักยภาพที่ต้องการเปลี่ยนรถใหม่ในปีนี้