ทั้งนี้ หากประเมินถึงระดับมาตรการผ่อนคลายทางการเงินที่อยู่นอกเหนือการคาดการณ์ของตลาดในหลายๆ ส่วน ต้องยอมรับว่าการประชุมนโยบายการเงินของ ECB ในรอบนี้เป็นการทบทวนเครื่องไม้เครื่องมือเชิงนโยบายครั้งใหญ่อีกครั้งหนึ่งของธนาคารกลางแกนหลักของโลกในปีนี้ ตามหลังธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ที่ประกาศใช้อัตราดอกเบี้ยเงินฝาก 3 อัตรา โดยมีอัตราต่ำสุดเป็นค่าติดลบที่ร้อยละ -0.10 เมื่อวันที่ 29 ม.ค.59 และธนาคารกลางจีน (PBOC) ที่ปรับลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ลงมาที่ร้อยละ 17.0 และร้อยละ 16.0 ของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่และขนาดเล็กตามลำดับ เมื่อวันที่ 29 ก.พ.59 ที่ผ่านมา
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า แม้ตลาดจะค่อนข้างผิดหวังกับถ้อยแถลงของประธาน ECB ที่ระบุว่าไม่เห็นความจำเป็นที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก แต่คาดว่าผลลัพธ์ที่จะมีต่อการเคลื่อนย้ายเงินทุนในช่วงหลังจากนี้ อาจจะไม่แตกต่างไปจากสถานการณ์ที่เริ่มเห็นมาแล้วตั้งแต่ในช่วงท้ายๆ เดือนม.ค.59 เป็นต้นมามากนัก ก็คือสัญญาณผ่อนคลายทางการเงินของธนาคารกลางชั้นนำหลายๆ แห่ง และความไม่แน่นอนในจังหวะการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจทำให้มีเม็ดเงินต่างชาติบางส่วนทยอยไหลกลับเข้ามายังตลาดการเงินในภูมิภาคอีกระลอก (หลังจากที่ไหลออกไปในปีที่แล้ว) ซึ่งต้องยอมรับว่าพันธบัตรและหุ้นไทยก็น่าจะเป็นหนึ่งในตัวเลือก เพื่อกระจายพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติด้วยเช่นกัน
อนึ่ง นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นและพันธบัตรไทย เป็นเงินรวมกันแล้วกว่า 5.0 หมื่นล้านบาทนับจากต้นปี 2559 ขณะที่เงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 7 เดือนใกล้ๆ 35.10 บาทต่อดอลลาร์ฯ
สำหรับทิศทางนโยบายการเงินของธนาคารกลางชั้นนำของโลกในช่วงหลายเดือนข้างหน้านั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า สัญญาณของนโยบายการเงินจะยังคงโน้มเอียงไปในเชิงผ่อนคลาย ซึ่งเป็นภาพที่สอดคล้องกันมากขึ้น โดยขั้วของธนาคารกลางยุโรป ธนาคารกลางญี่ปุ่น ธนาคารกลางจีน และธนาคารกลางอื่นๆ ในยุโรป จะเดินหน้าเครื่องมือผ่อนคลายทางการเงิน ซึ่งอาจจะมีผลในทางอ้อมต่อเฟดในการเลือกจังหวะ และ/หรือส่งสัญญาณเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ ซึ่งในท้ายที่สุดก็จะทำให้ตลาดตีความว่า เฟดตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่จำเป็นต้องรีบขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพราะสถานการณ์เศรษฐกิจโลกยังมีความเปราะบางอยู่มาก
ทั้งนี้ หากภาพดังกล่าวนำไปสู่กระแสเงินทุนไหลเข้าทางฝั่งเอเชียอย่างต่อเนื่องแล้ว สิ่งที่ภาคธุรกิจควรให้ความสำคัญก็คือ การบริหารความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากอาจมีความเสี่ยงมากขึ้นที่จะเห็นเงินบาทแข็งค่าทดสอบแนวต้านสำคัญทางจิตวิทยาที่ 35.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ ได้ในระยะสั้น