ทั้งนี้จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบพฤติกรรมของผู้ถือหุ้นคนไทยมีมูลเหตุให้เชื่อว่าน่าจะเป็นการถือหุ้นแทนคนต่างด้าว ถือเป็นความผิดตามมาตรา 36 แห่ง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 กรมฯ จึงมอบหมายให้ผู้อำนวยการกลุ่มบริการทะเบียนธุรกิจและอำนวยความสะดวกทางการค้า สำนักงานพาณิชย์จังหวัดสงขลา ส่งเรื่องให้พนักงานสอบสวน สภ.สะเดา ดำเนินการสืบสวนสอบสวนขยายผลต่อเนื่อง รวมทั้งยังได้ตรวจสอบการจัดทำบัญชีของบริษัททั้ง 5 รายพบว่ามีข้อบกพร่องในการจัดทำบัญชี ขณะนี้อยู่ระหว่างให้บริษัทชี้แจง หากพบว่ามีการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.การบัญชี พ.ศ.2543 จริง จะพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
สำหรับแผนการตรวจสอบธุรกิจที่มีนอมินีของกรมฯนั้น นอกจากจะเข้าตรวจสอบธุรกิจเสี่ยงในจังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของไทยแล้ว จะขยายการตรวจสอบคลอบคลุมจังหวัดที่เป็นพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษให้มากขึ้น เพราะการลงพื้นที่ตรวจสอบที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ อำเภอสะเดา ทำให้ทราบข้อมูลสำคัญของช่องทางการกระทำผิดในธุรกิจที่มีนอมินี โดยปัจจุบันธุรกิจของชาวต่างชาติที่ต้องการจะใช้คนไทยเป็นนอมินีได้ขยายการลงทุนไปสู่จังหวัดที่เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ หรือชายแดนไทยที่มีพื้นที่ติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน จากเดิมจะเน้นที่การประกอบธุรกิจในจังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ
"อยากเตือนคนไทยที่ให้ความช่วยเหลือ สนับสนุน หรือถือหุ้นแทนคนต่างด้าว เพื่อให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจในประเทศไทยอย่างหลีกเลี่ยง หรือฝ่าฝืนกฎหมาย จะต้องได้รับโทษหนักคือ จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับตั้งแต่ 100,000-1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และยังมีโทษปรับรายวันอีกวันละ 10,000-50,000 บาทจนกว่าจะเลิกฝ่าฝืน" น.ส.ผ่องพรรณ กล่าว