พร้อมทั้ง เห็นชอบร่างบันทึกข้อตกลง (MOU) ในการโอนรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายช่วงหมอชิต-คูคต และช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ให้กรุงเทพมหานคร (กทม.) คาดว่าลงนาม MOU ร่วมกันได้ประมาณเดือนเม.ย.นี้ โดย กทม.แจ้งว่าจะเปิดเดินรถสีเขียวส่วนต่อขยายช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ช่วง 1 สถานีแรก คือ จากสถานีแบริ่ง-สถานีสำโรง ประมาณกลางปี 60 ส่วนการชำระค่าก่อสร้างคืนให้ รฟม.ประมาณ 60,000 ล้านบาท แบ่งเป็นช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ประมาณ 21,000 ล้านบาท และช่วงหมอชิต-คูคตประมาณ 39,000 ล้านบาท จะต้องหารือร่วมกับกระทรวงการคลังให้รับทราบเงื่อนไข
นอกจากนี้ คจร.ยังเห็นชอบการต่อขยายแนวเส้นทางโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ ออกไป 5 กม. โดยไปสิ้นสุดที่บริเวณถนนวงแหวนกาญจนาภิเษก หลังจากนี้ รฟม.จะเร่งพิจารณารายละเอียดการปรับรูปแบบการก่อสร้างศูนย์ซ่อมบำรุง โดยลดขนาดให้เป็นอาคารจอดรถ และ รายงานการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ตามมติคณะอนุกรรมการกลั่นกรอง
และพิจารณาแผนการดำเนินงานในเกาะรัตนโกสินทร์ที่สถานีสามยอดและสถานีผ่านฟ้า คาดว่าจะสรุปรายละเอียดเสนอคณะกรรมการ รฟม.อนุมัติได้ประมาณเดือน เม.ย.จากนั้นจะเสนอกระทรวงคมนาคมและคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อขออนุมัติโครงการและเริ่มขั้นตอนการประกวดราคาต่อไป
พร้อมกันนี้ได้รับทราบความคืบหน้าระบบตั๋วร่วม โดยผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) มีข้อสังเกตให้พิจารณาในเรื่องโครงสร้างอัตราค่าโดยสารค่าแรกเข้า ซึ่ง สนข.จะเร่งสรุปรายงาน ครม.รับทราบต่อไป โดยมีเป้าหมายในการเริ่มใช้ระบบตั๋วร่วมสำหรับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (หัวลำโพง-บางซื่อ) และสายสีม่วง (บางใหญ่-เตาปูน) ในเดือนส.ค.นี้ และภายในปลายปี 59 จะขยายไปสู่ รถไฟฟ้า บีทีเอส , แอร์พอร์ตเรลลิงก์และทางด่วน โดยจะเร่งสรุปจัดตั้งศูนย์บริหารจัดการรายได้กลาง (Clearing House) ส่วนหน่วยงานบริหารจัดการและบำรุงรักษาระบบตั๋วร่วม (Common Ticketing Company: CTC) ซึ่งจะเป็นการร่วมทุน PPP นั้นจะต้องเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จก่อนปลายปีนี้