อย่างไรก็ตาม ยังไม่สามารถสรุปวงเงินที่จะใช้รับซื้อที่ชัดเจน เพราะเดิมในปีที่แล้ว ก็ได้ทำเรื่องดังกล่าวมาแล้ว โดยเสนอกรอบไว้ 100,000 ตันเท่ากัน และได้รับซื้อนำมันปาล์มมา 2,600 ตัน โดยการระบายสต๊อกส่วนนี้ จะเสนอให้ระบายเข้าไปยังโรงไฟฟ้า เช่น โรงไฟฟ้ากระบี่ เพื่อไม่ให้กระทบกับตลาดภายในประเทศ
“เดิมได้คาดการณ์กันว่าในปี 59 จะมีผลปาล์มออกมา 11.6 ล้านตัน มากกว่าปีก่อน 6% เป็นน้ำมันปาล์มดิบ 1.9 ล้านตัน แต่จากที่ดูในไตรมาสแรก และไตรมาสที่ 2 กลับมีออกมาน้อยกว่าปีที่แล้ว เพราะเกิดภาวะแล้งต่อเนื่องตั้งแต่ปี 56 ทำให้ และหวังไตรมาส 3-4 จะมีผลผลิตออกมาได้ตามที่คาดไว้ โดยในช่วงไตรมาสที่ 2 คาดว่าจะมีผลปาล์มออกมา 3.8 ล้านตัน เป็นน้ำมันปาล์มดิบ 200,000 ตัน ส่วนความต้องการใช้ในประเทศมีเดือนละ 160,000 ตัน จึงน่าจะเพียงพอกับความต้องการ โดยเรื่องนี้ถือเป็นการแก้ปัญหาในระยะสั้น ส่วนในระยะยาว รองนายกฯ ก็ต้องการให้มีการปฏิรูป และให้เอาเรื่องนี้ไปอยู่ในพ.ร.บ.ปาล์มน้ำมัน ที่กำลังยกร่างอยู่ด้วย"นายคนิต กล่าว
ด้านพล.ต.ต.ไกรบุญ ทรวดทรง ประธานกรรมการองค์การคลังสินค้า (บอร์ดอคส.) กล่าวว่า จากการประเมินว่าในช่วง 2 เดือนข้างหน้าสถานการณ์น้ำมันปาล์มดิบจะเข้าสู่ตลาดมากขึ้น ทำให้ราคาผลปาล์มสดตกต่ำ จึงให้อคส.เตรียมแผนการรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบมาเก็บไว้เป็นสต๊อก เพื่อดึงผลผลิตส่วนเกินออกจากตลาด ซึ่งจะทำให้ราคาผลปาล์มสดปรับขึ้นได้
สำหรับรายละเอียดการรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบ 100,000 ตันนี้ จะขอดูรายละเอียดการรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบในปีที่ผ่านมาก่อนว่าติดขัดปัญหาอย่างไร จึงทำให้อคส.ซื้อได้เพียง 2,000 ตันมาเก็บสต๊อกไว้เท่านั้น จากมติกนป.ให้ซื้อถึง 100,000 ตัน เพื่อนำมาปรับแผนการรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบในรอบใหม่ ส่วนราคารับซื้อยังคงมติให้ใช้ราคารับซื้อเท่ากับโครงการปีที่ผ่านมา คือน้ำมันปาล์มดิบรับซื้อกก.ละ 26.20 บาท และผลปาล์มสดเปอร์เซ็นต์น้ำมัน 17% กก.ละ 4.20 บาท
"ต้องขอดูรายละเอียดก่อนว่าเกณฑ์การรับซื้อที่ผ่านมาทำอะไรไปบ้าง แต่ยืนยันว่าการรับซื้อทำอย่างโปร่งใสที่สุด ซึ่งเท่าทราบปัญหาการรับซื้อคือ อคส.ไม่มีคลังเก็บน้ำมันปาล์มดิบ ต้องเช่าจากภาคเอกชน ซึ่งจะเชิญผู้ประกอบการคลังน้ำมันปาล์มที่มีศักยภาพเข้าหารือทุกราย และเปิดให้ประมูลเข้าร่วมโครงการเก็บน้ำมันปาล์มดิบที่ อคส.รับซื้อต่อไป" พล.ต.ต.ไกรบุญ
ขณะที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะประธานการประชุมเปิดเผยว่า ที่ประชุม กนป. เห็นชอบให้กำหนดแผนปฏิรูปปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มระยะ 20 ปี เพื่อการช่วยเหลือเกษตรกรปาล์มน้ำมันได้ในระยะยาว โดยได้มอบหมายให้ รมว.พาณิชย์ รมว.เกษตรและสหกรณ์ รมว.พลังงาน รมว.อุตสาหกรรม และผู้ที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันพิจารณากำหนดกรอบแนวทางการปฏิรูปแล้วนำมาเสนอคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันฯ ภายในเวลา 1 เดือน
ด้านนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมได้หารือถึงแนวทางการยกระดับคุณภาพน้ำมันปาล์มของไทย เพราะปัจจุบันคุณภาพน้ำมันปาล์มสู้ประเทศมาเลเซียไม่ได้ ทั้งคุณภาพน้ำมันและการสกัดน้ำมัน ซึ่งถึงเวลาที่ต้องมาหารือถึงวิธีการปฏิรูปอย่างจริงจัง โดยทางโรงงานสกัดต้องใช้เทคโนโลยีใหม่มารองรับการผลิต ขณะที่เกษตรกรก็ต้องปรับตัว จะมารอภาครัฐเข้ามาช่วยเหลือในกรณีที่เกิดปัญหาราคาตกเหมือนเดิมๆ อีกต่อไปไม่ได้ โดยจากนี้จะใช้เวลา 1 เดือน ให้ทุกฝ่ายไปทำข้อเสนอมาอีกครั้ง